1.โรคมะเร็ง——เป็นโรคที่เกิดจากเครือข่ายของโมเลกุล
ลักษณะสำคัญของเซลล์มะเร็งนั้นคือ เนื่องจากความไม่แน่นอนและผิดปกติของยีนในร่างกาย ก่อให้เกิดการแบ่งเซลล์อย่างต่อเนื่องและเกิดการกลายพันธุ์ใหม่ๆ เซลล์มะเร็งเป็นกลุ่มเซลล์กลายพันธุ์ที่มีลักษณะทางชีวภาพแตกต่างกันออกไป
ยีนในเซลล์มะเร็งที่กลายพันธุ์นั้นไม่เพียงแต่มีจำนวนมากมายที่มีลักษณะความแตกต่างกันไปหลายชนิดและยังอยู่ที่เครือพลวัตซับซ้อนทางชีวภาพ ในเซลล์นั้น ทั้งยีนและโปรตีนจะประกอบเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนรวมถึงการส่งสัญญาณในระบบร่างกาย การควบคุมยีน และระบบการเผาผลาญในร่างกายก็จะผิดปกติ
ยีนที่กลายพันธุ์นั้นตำแหน่งที่อยู่ก็จะแตกต่างกันออกไป ระดับความแตกต่างของยีนในโครงสร้างของเซลล์ จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเซลล์ไม่เหมือนกัน นี้ก็เป็นลักษณะของเซลล์มะเร็ง โดยกล่าวอีกได้ว่า โรคมะเร็งความจริงเป็นโรคระดับโมเลกุล ระดับความผิดปกติและความซับซ้อนของโมเลกุลจะเป็นตัวกำหนดรูปร่างและลักษณะของตัวก้อนมะเร็ง
2. .หลักการพื้นฐาน
วิธีการจัดการถึงจุดกำเนิดโรค คือการเริ่มต้นตั้งแต่สาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็ง (สาเหตุอาจเกิดจากความผิดปกติจากโมเลกุลของโปรตีนในเซลล์มะเร็ง หรือจากบางส่วนของยีน) เมื่อรู้ตำแหน่งของมะเร็งที่แน่ชัดแล้ว ก็จะใช้ยาที่มีลักษณะเหมาะสมกับตัวมะเร็งนั้นๆ ซึ่งตัวยาจะมีผลต่อเซลล์ที่มีความผิดปกติ(เซลล์มะเร็ง)เท่านั้น ทำให้เซลล์มะเร็งสลายไป วิธีนี้จะไม่ทำลายเซลล์ปกติอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ เซลล์มะเร็งด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ วิธีนี้เป็นวิธีที่เมื่อหาเซลล์มะเร็งได้แล้วใช้ยีน เพื่อทำให้มะเร็งหายไป
ยีนบำบัด ต่อจุดกำเนิดของโรค เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลอย่างดีเลิศ
การผ่าตัด |
การฉายรังสีแบบดั้งเดิม、การใช้ยาเคมีแบบดั้งเดิม |
การใช้ยีนบำบัดเจาะจงเซลล์มะเร็ง |
มีการบุกรุกร่างกาย มีความเสี่ยงสูงในการเกิดอาการแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด |
เป็นการเยียวยาด้วยการใช้ยาที่มีความเป็นพิษ ยานี้อาจมีผลข้างเคียงสูง ทั้งเซลล์มะเร็งและเซลล์ปกติ จะถูกกำจัดหมด |
ความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมายของของเซลล์มะเร็งและสารก่อมะเร็ง เช่น เอ็นไซม์ โปรตีน เป็นต้น กำหนดไว้เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่กำลังเจริญเติบโต |
ขั้นตอนวิธีการใช้ยีน
1.ค้นพบสาเหตุการก่อโรคมะเร็ง
2.การเลือกเวกเตอร์ยีน
3.การเลือกใช้หรือกำหนดเป้าหมายของเซลล์
4.วิธีการถ่ายโอนยีน
5. การคัดกรองและเลือกเซลล์
6. การถ่ายเทกลับคืนสู่ร่างกาย
จุดเด่น
1.ยานี้จะมุ่งเป้าที่ตำแหน่งของเนื้องอกที่มีการกำหนดเป้าหมายไว้
2.ยาจะคงอยู่ในตำแหน่งที่มีความเข้มข้นของตัวยาสูง
3.ยานี้จะออกฤทธิ์เป็นเวลานาน
4.เพิ่มความสามารถในการกำจัดเซลล์มะเร็งได้ดีกว่า
5.ไม่มีผลต่อเนื้อเยื้อปกติ สามารถบรรเทาอาการปวดและภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยได้
6.ไม่มีผลต่อเซลล์ปกติ ได้ผลดี พิษน้อย เซลล์มะเร็งไม่ดื้อยา
7.สามารถใช้วิธีนี้วิธีเดียวหรือร่วมกับวิธีอื่นๆได้ และใช้ร่วมกับเทคนิคแบบดั้งเดิม (เคมี รังสี)ยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี เป็นต้น