โรคหมอนรองกระดูกเคทับเส้นประสาทคือ เนื่องด้วยหลังแอนนูลัส ไฟโบรลัส(Anulus Fibrosus)ที่แตกออก หมอนรองกระดูกแตกกดทับเส้นประสาท ทำให้ปวดเอวและขาเป็นหลักซึ่งเป็นโรคที่การแสดงออกมา ตำแหน่งในร่างกายที่พบหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ส่วนใหญ่การพบในส่วนเอวขั้น L4-51และส่วนเอวขั้น L5-S1 มากกว่า 90% L3-4มีลักษณะโดดเด่นประมาณ2%เอวทั้งสองส่วนมีลักษณะโดดเด่น6%~19%
โดยมีตัวเลขสถิติแสดงว่า อัตราการเป็นโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทโดยเฉลี่ยoverall incidence15.2%~30% และอัตราการเป็นโรคเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ป่วยมีทั้งอายุน้อยจนถึงอายุมาก ซึ่งผู้ป่วยอายุ30ถึง 50ปี มีอัตราการเกิดโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทสูง ในขณะเดียวกันเพศชายง่ายต่อการเกิดโรคและมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคค่อนข้างสูง
สาเหตุหลักที่เกิดโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทคือการเสื่อมของหมอนรองกระดูก ปัจจุบันยังคงไม่สามารถหาสาเหตุโดยตรงได้ แต่ยังมีสาเหตุดังนี้
1.ปัจจัยด้านอาชีพ:(1)เมื่อคนขับรถทำท่าการนั่งและการขรุขระอยู่นาน และหมอนรองกระดูกได้รับแรงดันเกินไป จะมีโอกาสทำให้เกิดโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท (2)คนงานที่ก้มตัวเวลานาน เช่นคนขุดถ่านหินหรือคนงานก่อสร้าง จะมีโอกาสงายเกิดโรคหมอนรองกระดูกเคทับเส้นประสาทโดยไฟเบอร์พัง
2.ปัจจัยสิ่งแวดล้อม:สิ่งแวดล้อมที่เป็นเย็นหรือความชุ่มชื้นสามารถทำให้เกิดการหลอดเลือดหดเล็ก กล้ามเนื้อกระตุก ทำให้แรงดันของหมอนรองกระดูกเพิ่มขึ้นและหมอนรองกระดูกที่เสื่อมพัง
3.ปัจจัยการสูบบุรี่:มีสารพิษมากมายโดบเฉพาะสารนิโคตินโดยสูบเข้าไปในทางเลือด ทำให้หลอดเลือดเล็กหดและกระตุก หลอดเลือดความหนาเล็กลง และการให้เลือดในร่างกายน้อยลง ในขณะเดียวกันสารพิษอย่างหนึ่งคือคาร์บอนมอนนอกไซด์ ทำให้อาการของหมอนรองกระดูกน้อยลงขึ้น ระยะที่การเสื่อมรุนแรงเพิ่ม ทำให้เกิดโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท
4.การตั้งท้อง:ผู้หญิงมีครรภ์กระดูกสันหลังส่วนเอวนุนขึ้น เพิ่มความแรงดันของหมอนรองกระดูก
5.โรคเบาหวาน:มีผลกระทบต่อเส้นเลือดแดงในบริเวณหมอนรองกระดูก การไหลเลือดน้อยลง การเผาผลาญอาหารต่ำลง ในสุดท้ายทำให้ระบบโครงสร้างของหมอนรองกระดูกพัง
อาการเจ็บปวดคืออาการที่พบเห็นมากสุดในผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกเคทับเส้นประสาท มีอาการแสดงออกมาคือปวดหลังเอว ปวดประเสทของกระดูกก้น ลักษณะอาการปวดประสาทของกระดูกก้นมีอาการคือปวดสะโพก ต้นขาข้างหลัง ตรงแข้งจนถึงส้นเท้าหรือหลังเท้า
(1)อาการปวดเอว:ผู้ป่วย90%ขึ้นไปมีอาการนี้ออกมา บริเวณตรงที่เจ็บปวดส่วนใหญ่คือตำแหน่งเอวส่วนล่างและกระดูกเอวส่วนล่าง อาการปวดแบบจุกๆเป็นอาการหลักที่พบได้บ่อย เมื่อนอนพื้นอาการปวดเอวจะน้อยลง เมือลุกขึ้นหรือการนั่ง อาการปวดเอวจะรุนแรงขึ้น
(2)อาการปวดร่างกายส่วนล่าง:อาการเจ็บปวดอาการปวดตามหลังส่วนล่าง, ก้น, ต้นขา, น่องก่อนหรือหลังจากขยายออกไปยังส้นเท้า
(3)การทำงานของความรู้สึงทางร่างกายส่วนล้างตำลง:เนื่องจากรากประสาทเสียหาย ทำให้การทำงานของประสาทสัมผัสและระบบการเคลื่นไหวต่ำลงจนกระทั้งสูญเสีย อาการที่ออกมาบ่อยคือ การชาผิวหนัง ตัวร่างกายหนาว อุณหภูมิทางผิวหนังต่ำลง เมื่ออาการรุนแรงมีอาการกล้ามเนื้อเหี่ยวเฉาและกล้ามเนื้ออัมพาต
(4)อาการรากประสาทหางม้า ลำไส้มีอาการชา เจ็บเหมือนไฟฟ้าช็อต ไม่มีแรงขับปัสสาวะ อุจารระไม่หยุด
เมื่อมีอาการที่ด้านบนเกิดขึ้น ควรรีบเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเฉพาะโรค เพื่อจะได้รับการวินิจฉัยและการรักษา
การตรวจโดยทางรังสีวิทยา
1.การตรวจโดยเอกซเรย์:การตรวจโดยเอกซเรย์สามารถค้นพบการเปลี่ยนแปลงชนิดเสื่อมและการผิดปกติทางโครงสร้างของกระดูกสันหลัง มีคุณค่ามากต่อการพบการเสื่อมเปลี่ยนแปลงของหมอนรองกระดูก
2.การตรวจโดยCTเอกซเรย์คอมพิวเตอร์:การตรวจกระดูกสันหลังส่วนเอวโดยCTสามารถได้แสดงตำแหน่ง ความใหญ่ รูปร่าง และสภาพรากประสาทและถุงเยื่อดูราถูกกดทับ ในขณะเดียวกันสามารถเห็นเอ็นเหลืองมีการเจริญเติบโตได้อย่างชัดเจน ข้อต่อขนาเล็กเพิ่มมากขึ้น กระดูกสันหลังและด้านข้างจะมีร่องหรือซอกแคบๆ ซึ่งเป็นอาการโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทที่มีผลต่อการวินิจฉัยถึง80%-92%
3.การตรวจโดยMRIคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า:MRIคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ไม่รังสี สามารถแสดงภาพได้หลายตำแหน่ง ทำให้รายละเอียดทางกายวิภาคชัดเจนไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างพยาธิวิทยา (เช่นแทรกซึมกระดูก)
4.เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้ออาการโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ส่วนใหญ่โดยเป็นการตรวจสอบกล้ามเนื้อแขนขาให้กระตุ้นสะท้อนให้เห็นถึงสถานะของรากประสาท รวมถึงการแบ่งขอบเขตการเจริญเพื่อวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทและระดับขั้นของการกดทับเส้นประสาท
สิ่งที่ต้องการสังเกตคือ การวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ต้องการพิจารณา การวิเคราะโดยรวมอย่างสมบูรณ์โดยการผสมผสานกับอาการ และข้อมูลทางรังสีวิทยา รับรองสามอย่างเป็นเิอกฉันท์ จึงสามารถได้การวินิจฉัยอย่างชัดเจน
วิธีการรักษาโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทมีหลายอย่าง วิธีการรักษาที่ไม่เหมือนกันจะมีลักษณะและประสิทธิภาพก็ไม่เหมือนกัน การเหมาะในผู้ป่วยที่ในช่วงระยะและสภาพที่ไม่เหมือนกัน
1.วิธีการพ่วง: เนื่องจากการสมดุลระหว่าแรงพ่วงกับการป้องกันการเสียดสีนั้น ทำให้ศรีษะละลำคอในทางสรีรวิทยาคงอยู่ในสถานะโค้ง ส่งผลทำให้กระดูกคอที่มีลักษณะโค้งผิดปกติค่อยๆเปลี่ยนแปลง
2.กายภาพบำบัด: เป็นโปรแกรมทางธรรมชาติและความหลากหลายปัจจัยทางกายภาพเทียม เช่นเสียงแสง, ไฟฟ้า, ความร้อน, ผลแม่เหล็กในร่างกายมนุษย์ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการรักษาและการป้องกันโรค
3.การรักษาโดยการผ่าตัด:หลักการการรักษาโดยการผ่าตัดคือลดความดัน แก้การกระตุ้น เพิ่มสภาพคงที่ การยับยั้งเสียหายที่อยู่ แต่ภาวะแทรกซ้อนการผ่าตัดมากขึ้นและอันตรายสูง เจ็บปวดรุนแรง การผ่าตัดทั้งร่างกายหรือเฉพาะส่วนไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเช่นมีอายุมาก ร่างกายไม่แข็งแรง มีอารเปลี่ยนแปลงสภาวะหัวใจ สมองและหลอดเลือดหรือโรคหลอดเลือดโรคเบาหวานหรือข้อห้ามใช้ยาสลบสำหรับผู้ป่วยก็ม่เหมาะสำหรับผ่าตัด
โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กวางโจว มีการรักษาโรคกระดูกขนาดเล็กสามประเภท ซึ่งมีประสิทธิภาพในการรรักษาโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท มีดังต่อไปนี้ 1.เป็นการผ่าตัดขนาดเล็กที่ไม่มีบาดแผล ผลดีคือ ไม่มีบาดแผล ไม่มีเลือด พักฟื้นในโรงพยาบาลระยะเวลาสั้น ฟื้นตัวไว ไม่เป็นแผลเป็นและไม่ทำลายความมั่นคงของกระดูกสันหลัง2.การผ่าตัดขนาดเล็กที่มีแผลหลังผ่าตัดขนาดเล็ก 3.การผ่าตัดขนาดเล็กที่มีแผลหลังผ่าตัดขนาดเล็กซึ่งมีขนาดแผลเพียง1-3เซนติเมตร เหมาะสมกับโรคหลายชนิด เลือดออกน้อย พักฟื้นในโรงพยาบาลระยะเวลาสั้น ฟื้นตัวไว
นอกจากเทคโนโลยีการรักษาโดยการผ่าตัดที่มีบุกรุกน้อย โรงพยาบาลโรคมะเร็งสมัยใหม่กวางโจวยังมีนักโภชนาการ จัดเสนออาหารที่สุขภาพต่อร่างกายสำหรับแก่ผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท การผสมกับการรักษาโดยอาหารแพทย์แผนจีนโบราณ ทำให้การเพิ่มภูมิค้มกันในร่างกาย และได้เพิ่มประสิทธิภาพทางการรักษา
นอกจากนี้ โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กวางโจวมีสำนักงานอยู่หลายประเทศในทั่วโลกผู้ป่วยต่างชาติที่มาจากหลายประเทศ ได้รักษาแข็งแรงเป็นปรกติมีมาจากประเทศเวียดนาม ประเทศพิลิปปินส์ ประเทศกัมพูชา ประเืทศอินโดนีเซีย และประเทศไทยเป็นต้น
โรงพยาบาลโรคมะเร็งสมัยใหม่กวางโจวในภาวะที่ไม่เพิ่มภาภาระต่อผ้ป่วยทั้งให้บริการสุขภาพที่อบอุ่นอย่างสมบูรณ์แบบและได้เพิ่มประสิทธิภาพและระดับของทางการรักษา การประชาสัมพันธ์ของแพทย์กับผู้ป่วยมีหลายวิธี รวมทั้งการปรึกษาออนไลน์ ทางอีเมล ทางโทรศัพท์และการปรึกษาโดยตัวต่อตัวบริการสำหรับผู้ป่วยสามารถที่ปรึกษาได้ตลอดเวลา เอาชนะโรคมะเร็งได้อย่างมีสำเร็จ มีทีมงานสำหรับไว้บริการ เช่นแพทย์ นางพยาบาล นักโภชนการและล่ามเป็นต้น สร้างความความพอใจและตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยต่างชาติ เมื่อผู้ป่วยได้รับการบริการและเข้าใจองค์ประกอบโดยรวมของโรงพยาบาล ย่อมทำให้ผู้ป่วยมีความไว้ใจและพร้อมที่จะร่วมมือในการรักษา