ไปตามประเทศต่างๆ เพียงเพื่อยืนยันโรคที่เป็น
หลี่อิงจากประเทศกัมพูชาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการปวดท้องธรรมดาจะกลายเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารไปได้ คงต้องเริ่มเล่าจากเดือนกันยายนปี 2013 หลี่อิงรู้สึกว่าบริเวณท้องมีอาการปวดแปลบๆ ตลอดเวลา ตอนที่กินข้าวอาการปวดก็ปวดมากจนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาการเป็นมาเนิ่นนาน ความอยากอาการของหลี่อิงก็น้อยลง น้ำหนักตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด หลี่อิงจึงไปโรงพยาบาลในท้องถิ่นกับคนในครอบครัว ซึ่งคุณหมอบอกเพียงว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารที่ค่อนข้างรุนแรง เพียงทานยาเดี๋ยวก็หายเป็นปกติ
แต่พอกลับบ้าน ทานยาแล้วกลับไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการปวดของหลี่อิงเลย อีกทั้งอาการกลับเป็นหนักมากขึ้น หลี่อิงและครอบครัวจึงทำได้เพียงไปโรงพยาบาลเวียดนามเพื่อตรวจดูอาการ แต่กลับได้รับคำตอบที่ว่าอาจจะเป็นโรคหัวใจ ทั้งหลี่อิงและครอบครัวรู้สึกตกใจมาก และด้วยความสงสัยในผลการวินิจฉัยที่หมอบอกมา หลี่อิงจึงบินไปประเทศไทยเพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ท้ายสุดคำวินิจฉัยบอกว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ถึงแม้ว่าในช่วงการตรวจที่ผ่านมาจะรู้อยู่คร่าวๆ ว่าเป็นโรคอะไร แต่ตอนที่คุณหมอบอกว่าเป็นมะเร็งนั้น ก็ทำให้ตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย คุณหมอที่ไทยแนะนำให้หลี่อิงรีบทำการผ่าตัดโดยด่วน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาการแย่ไปกว่านี้ แต่หลี่อิงรู้มาว่าการผ่าตัดหมายถึงต้องผ่าตัดกระเพาะอาหารออกทั้งหมด ภรรยาและญาติของเขาต่างห้ามปรามไม่ให้เขาทำการผ่าตัดนี้ ตัวเขาเองก็รู้สึกกลัวไม่น้อยจึงได้ปฏิเสธคำแนะนำของคุณหมอและกลับกัมพูชาบ้านของตนเอง
การรักษาจากหลากหลายสาขาเป็นความหวังในการรักษา
ในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากกลับไปที่พนมเปญ หลี่อิงและครอบครัวก็ไม่ได้ละทิ้งความพยายามในการหาโอกาสในการรักษา และด้วยความบังเอิญหลี่อิงได้เห็นโฆษณาโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวในโทรทัศน์ ยิ่งไปกว่านั้นยังพบผู้ป่วยที่เคยรักษาที่โรงพยาบาลนั้นได้แนะนำ 12 เทคโนโลยีการรักษามะเร็งให้กับเขา และยังบอกเขาอีกว่าไม่ต้องกลัว นอกจากการผ่าตัดแล้วยังมีอีกหลายวิธีในการรักษาโรคของเขา ดังนั้นหลี่อิงจึงได้มาที่สำนักงานของโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ที่เมืองพนมเปญเพื่อสอบถามอย่างละเอียด และตัดสินใจเดินทางไปรักษามะเร็งที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว
หลังจากที่มาถึงโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว กลุ่มแพทย์จากหลากสาขา (กลุ่ม MDT) ก็ได้ดำเนินการตรวจให้หลี่อิงทันทีเพื่อเตรียมพร้อมในการรักษาภายหลัง ผลการตรวจบอกว่าหลี่อิงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย กลุ่ม MDT คำนึงถึงว่าสุขภาพเขาค่อนข้างอ่อนแอ จึงเลือกวิธีการที่ค่อนข้างจะครบรอบด้านให้กับเขา และค่อยๆ บรรเทาอาการของเขาทีละขั้นๆ กลุ่ม MDT ใช้วิธีการรักษาเฉพาะจุดผ่านหลอดเลือดก่อน โดยนำยาเข้าไปทางหลอดนำทางจากหลอดเลือดแดงฉีดเข้าไปที่ภายในก้อนมะเร็งที่กระเพาะอาหารโดยตรง อุดช่องทางอาหารของมะเร็ง และยังใช้วิธีการใช้ความเย็น การใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัดร่วมกันเพื่อทำให้เซลล์มะเร็งแข็งตัว และในขณะเดียวกันก็เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายให้กับหลี่อิงด้วย และเมื่อผ่านการรักษาอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่ม MDT อาการของหลี่อิงก็ได้รับการควบคุม ก้อนเนื้อก็มีขนาดเล็กลงด้วย
คนที่รู้สึกมีความสุขมากๆ ในผลการรักษาเห็นจะเป็นภรรยาของหลี่อิง เมื่อเธอคิดถึงภาพตอนที่สามีของเธอนอนอ่อนแออยู่บนเตียง น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และเมื่อตอนที่รู้ว่าสามีเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารนั้น เธอบอกว่าเธอรู้สึกเหมือนกับว่าฟ้าจะถล่มลงมา ถ้าหากสามีเธอต้องจากไปด้วยโรคนี้ เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร ตอนนี้อาการของเขาได้รับการควบคุม และเธอสามารถร่วมต่อต้านมะเร็งไปกับสามีได้ถือเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
นี่เป็นครั้งที่สี่ที่หลี่อิงและภรรยามาตรวจร่างกายซ้ำที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว หลังจากที่ผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากและเลวร้ายมาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าไม่มีอะไรสำคัญเท่าครอบครัวและชีวิต เพียงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปถึงจะได้พบกับเรื่องดีดี หวังว่าผู้ป่วยทุกคนจะยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ถึงแม้ว่าโรคร้ายจะไม่ได้รักษาให้หายได้ง่ายๆ แต่หลี่อิงก็เชื่อมั่นว่าเพียงแค่เรายืนหยัดต่อไปก็สามารถเพิ่มความหวังอีกความหวังหนึ่งในการเอาชนะโรคร้ายได้
ภาพถ่ายหลี่อิงและภรรยา
ภาพถ่ายหลี่อิงและบุคลากรทางการแพทย์
ก่อนการรักษา
หลังการรักษา