รสชาติของการเฉียดใกล้ความตายเป็นอย่างไร หร่วนเค่อจางวัย 72 ปี รู้ซึ้งถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี ตั้งแต่พบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายเมื่อปีพ.ศ. 2553 เป็นต้นมา หร่วนเค่อจางก็รับการรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวรวมแล้ว 7 ครั้ง ในช่วงเวลา 3 ปีนี้ หร่วนเค่อจางยืนหยัดมาท่ามกลางสถานการณ์ที่คนส่วนใหญ่คิดว่ามะเร็งระยะสุดท้ายทำได้แค่ปล่อยวางการรักษา และที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการเอาชนะมะเร็ง กำสิทธิในการมีชีวิตไว้ในมือของตัวเอง เมื่อพวกเราสอบถามเขาถึงความรู้สึกในการต่อสู้กับมะเร็ง หร่วนเค่อจางพูดแค่เพียงสองคำว่า : ยืนหยัด! นี่คือ “สัจธรรมในการต่อสู้มะเร็ง” ที่หร่วนเค่อจางพิสูจน์ให้เราเห็นจากการวนเวียนอยู่ใกล้ความตายมานาน 3 ปี
หร่วนเค่อจางเป็นข้าราชการกระทรวงกลาโหม เวลาทั้งชีวิตของเขาใช้ไปกับการอุทิศแรงกายของตนเองให้กับประชาชนชาวเวียดนาม จนกระทั่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วถึงได้ลงจากตำแหน่งและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอย่างมีความสุข หากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ชีวิตของหร่วนเค่อจางคงจะสงบสุขและมีความสุข แต่ชีวิตที่สวยงามนี้กลับถูกโรคมะเร็งทำลายลงในปีพ.ศ. 2553
“ตอนนั้นพวกเราพบว่าผิวหน้าของพี่ชายเป็นสีเหลือง หลังจากพาเขาไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็พบว่าในกระเพาะอาหารมีก้อนเนื้อร้ายก้อนใหญ่มาก” น้องสาวของหร่วนเค่อจางบอกเล่าถึงอาการของพี่ชายในตอนนั้น และหลังจากทราบว่าเป็นมะเร็ง คนในครอบครัวของหร่วนเค่อจางพาเขาไปรักษาด้วยวิธีผ่าตัดที่โรงพยาบาล 108 เวียดนาม ตัดกระเพาะอาหารออกไป 3 ใน 4 ส่วน แต่หลังจากผ่าตัดหร่วนเค่อจางไข้ขึ้นสูงตลอด มะเร็งลามไปยังปอด อาการเข้าสู่ระยะสุดท้าย และด้วยเหตุนี้เอง หร่วนเค่อจางจึงหมดความเชื่อมั่นในการรักษาของเวียดนาม และมารับการรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว โดยไม่สนใจการคัดค้านของคนในครอบครัว
“หลังจากได้ยินผมบอกว่าจะไปรักษาที่ประเทศจีน พวกเขาคัดค้านที่ผมจะไปรักษาไกลขนาดนั้น แต่ตอนนั้นผมทราบแล้วว่าที่นี่มีเทคโนโลยีการรักษาที่ก้าวหน้ากว่า ผมเชื่อมั่นว่าจะได้รับการรักษาที่ดีกว่าจากที่นี่” หร่วนเค่อจางรำลึกความหลัง เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553 หร่วนเค่อจางมาถึงยังโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว เมื่อตรวจอีกครั้งพบว่านอกจากบริเวณปอดแล้ว หลอดอาหารและตับก็ถูกเซลล์มะเร็งรุกราน อาการทรุดลงอย่างหนัก ในตอนนั้นเนื่องจากการรักษาด้วยวิธีอุดหลอดเลือดเฉพาะจุดและวิธีภูมิคุ้มกันบำบัดที่ทางโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวจะใช้รักษาหร่วนเค่อจางนั้นต้องใช้เวลาอยู่บ้างในการบรรเทาอาการของโรค ในช่วงเวลาสั้นๆ สภาพร่างกายของหร่วนเค่อจางไม่ได้ดีขึ้นอย่างชัดเจนนัก ทั้งยังได้ยินเสียงคัดค้านอีกมากมาย คนส่วนใหญ่ต่างเห็นว่ามะเร็งขั้นสุดท้ายทำได้แค่ปล่อยวางการรักษาไป
ในสถานการณ์ที่คนในครอบครัวมีความเคลือบแคลงใจและการคัดค้านของคนอื่น ก็ไม่ได้ทำให้ความศรัทธาในการรักษาของหร่วนเค่อจางหวั่นไหวแต่อย่างใด “มีเพียงตัวผมคนเดียวที่รู้การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองชัดเจนที่สุด” หร่วนเค่อจางกล่าว “เมื่อรักษามาแล้ว ผมรู้สึกได้ว่าร่างกายตัวเองกำลังฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมต้องการที่สุดคือการยืนหยัด รวมทั้งความเชื่อมั่นในตัวคุณหมอเต็มร้อย เช่นนี้ถึงจะสามารถหลุดพ้นจากมะเร็งระยะสุดท้ายนี้ได้”
ในความเป็นจริง หร่วนเค่อจางก็ได้ยืนหยัดต่อมา ระยะเวลา 3 ปีที่รับการรักษาทำให้ร่างกายของหร่วนเค่อจางดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบันไม่ต้องรับการรักษาแล้ว สามารถมีชีวิตแบบสุขภาพแข็งแรงเช่นเดียวกับคนปกติทั่วไป อีกทั้งในที่สุดคนในครอบครัวของหร่วนเค่อจางก็เชื่อในโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเมื่อเห็นอาการป่วยของเขาดีขึ้น พวกเขารู้สึกขอบคุณโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเป็นอย่างมากที่ดูแลหร่วนเค่อจาง และเห็นว่าโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวคือผู้ช่วยชีวิตของหร่วนเค่อจางเอาไว้
และพวกเราก็เข้าใจแล้วว่า หร่วนเค่อจางได้อาศัยการศรัทธาในความหนักแน่นของตนเองมาเอาชนะโรคมะเร็งจนได้!
หร่วนเค่อจางแบ่งปันประสบการณ์การรักษามะเร็งปอด
หร่วนเค่อจางถ่ายภาพร่วมกับคนในครอบครัว