เสี่ยวยี เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี จากอาหรับ ความจริงแล้วเขาควรจะเป็นเด็กที่ร่าเริงและมีชีวิตชีวา แต่เนื่องด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งหนึ่ง ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไป อุบัติเหตุรถยนต์ครั้งนั้นไม่เพียงแต่พรากรอยยิ้มของเขาไปเท่านั้น หากยังได้พรากขาทั้งสองข้างของเขาไปอีกด้วย
อุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ทำลายชีวิตของเด็กหนุ่มวัย 17 ปี
เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2551 เนื่องด้วยประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสี่ยวยีจึงถูกส่งไปโรงพยาบาลประจำท้องถิ่นแห่งหนึ่งอย่างเร่งด่วน พ่อแม่ของเขาไม่เคยคาดคิดว่า ลูกชายที่เมื่อเช้ายังเป็นคนสุขภาพแข็งแรง แต่ตอนนี้เขากลับนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดอย่างอ่อนแรง อุบัติเหตุจราจรครั้งนี้ได้ทำร้ายร่างกายของเขาอย่างสาหัส ตลอดจนได้ทำลายม้ามของเขาด้วย คุณหมอแนะนำพ่อแม่ของเขาว่าต้องทำการผ่าตัดทันที แต่หลังจากที่ผ่าตัดม้ามไป ขาทั้งสองข้างของเขากลับไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เองแล้ว 6 วันหลังจากการผ่าตัด เสี่ยวยีได้รับการผ่าตัดอีกครั้งโดยตัดกระดูกสันหลังส่วนหนึ่งออกไปเพื่อช่วยลดความบีบอัดและการตรึงของกระดูกภายใน หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นไม่นาน เสียวยีก็กลับบ้านได้ แต่พ่อแม่กลับพบว่าเสี่ยวยีสูญเสียความสามารถในการควบคุมการขับถ่าย และอาการอัมพาตครึ่งซีกก็ยังไม่ดีขึ้น
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จากเดิมที่เสี่ยวยีมีนิสัยเบิกบาน ก็ค่อยๆ กลายเป็นคนที่เงียบขรึมไม่ค่อยพูดจา ตลอดจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ เมื่อเห็นสภาพเสี่ยวยีที่เป็นเช่นนี้ พ่อแม่ของเขารู้สึกเสียใจและทรมานใจมาก จึงพยายามแสวงหาวิธีและหนทางที่จะสามารถรักษาโรคของเสี่ยวยี วันหนึ่งพ่อแม่ของเสี่ยวยีได้พบเห็นข้อมูลที่เกี่ยวกับโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวบนอินเตอร์เน็ตโดยบังเอิญ ซึ่งในนั้นได้กล่าวถึงผลการรักษาการบาดเจ็บที่ไขสันหลังที่ดีเยี่ยม โดยใช้วิธีการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด พวกเขาไม่ยอมเสียโอกาสนี้ จึงออกเดินทางมารักษาโรคที่เมืองกว่างโจวประเทศจีน
การดูแลที่อบอุ่นสร้างความเชื่อมั่นในการรักษา
เมื่อเดือนกันยายน ปี 2553 เสี่ยวยีและพ่อแม่ได้มาถึงโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล พวกเขาจึงลงทะเบียนและเข้าพักที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ต่อมาเจ้าหน้าที่กับล่ามได้มาถึงห้องพักของเสี่ยวยี เพื่อแนะนำสภาพแวดล้อมทั่วไปของโรงพยาบาล และสอบถามเสี่ยวยีอย่างละเอียดว่ามีตรงไหนไม่สบายหรือไม่ พร้อมแจ้งให้ทราบว่าอีกไม่นาน คุณหมอจะมาห้องพักของเขา เพื่อตรวจอาการป่วยของเขา เมื่อคุณหมอเจียวเหยียนมาถึงห้องพักของเสี่ยวยี ก็ได้สอบถามประวัติโรคและการรักษาที่ผ่านมาของเสี่ยวยี และได้จัดการการตรวจร่างกายในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เสี่ยวยีด้วย
คุณหมอเจียวเหยียนศึกษารายงานการตรวจของเสี่ยวยีอย่างตั้งอกตั้งใจ และยังได้จัดประชุมปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นๆ เพื่อกำหนดแผนการการรักษาโรคโดยยึดตามอาการป่วยและสภาพร่างกายของเสี่ยวยี คุณหมอเจียวเหยียนได้พาล่ามมาถึงห้องพักของเสี่ยวยี เพื่ออธิบายวิธี ขั้นตอน และผลการรักษาโรคตามลำดับ หลังจากฟังคำอธิบายของคุณหมอแล้ว เสี่ยวยีและพ่อแม่ก็รู้สึกไว้วางใจและซาบซึ้งใจมาก พ่อแม่ต่างก็มีความเชื่อมั่นว่าลูกของตนเองจะสามารถได้รับผลการรักษาที่ดีเยี่ยมได้
รักษาโรคด้วยเซลล์ต้นกำเนิด
ทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณหมอเจียวเหยียนเป็นหัวหน้าทีมได้ใช้วิธีการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดมารักษาโรค ซึ่งได้นำเซลล์ต้นกำเนิดประสาทมาปลูกถ่ายที่ไขกระดูกสันหลังที่บาดเจ็บของเสี่ยวยี จากคุณสมบัติของเซลล์ต้นกำเนิดที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ จึงสามารถแตกตัวซ่อมแซมเซลล์ประสาทที่ถูกทำลายในร่างกายของเสี่ยวยีให้ฟื้นคืน นอกจากนี้คุณหมอยังได้กำหนดทำกายภาพบำบัด การฝึกด้วยสิ่งที่ค้ำยืน และการบำบัดทางกายภาพอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์กับการรักษาโรคของเสี่ยวยีอีกด้วย ด้วยการรักษาอย่างตั้งใจและการดูแลที่ระมัดระวังของคุณหมอกับพยาบาล อาการของเสี่ยวยีก็ค่อยๆ ดีขึ้น อาการเจ็บปวดก็ค่อยๆ บรรเทาลง เมื่อใกล้เวลากลับบ้าน เสี่ยวยีได้รับรองกับพ่อแม่ว่า ตนเองต้องแข็งแรงขึ้น จะมองโลกในแง่ดีต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บด้วยความมั่นใจ