การรักษาเฉพาะจุดผ่านหลอดเลือดและภูมิคุ้มกันบำบัด ช่วยชีวิตผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ระยะสุดท้ายได้สำเร็จ
จงหลันหัว อายุ 46 ปี มาจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2011 เธอรู้สึกท้องอืด ปวดท้อง โดยเฉพาะบริเวณท้องส่วนล่างจะปวดอย่างรุนแรง หายใจลำบาก และไม่มีแรง เมื่อไปแผนกอายุรกรรมที่โรงพยาบาลท้องถิ่นในอินโดนีเซีย คุณหมอที่แผนกอายุรกรรมต้องย้ายเธอไปที่แผนกสูตินรีเวช คุณหมอที่แผนกสูตินรีเวชทำการตรวจอัลตราซาวด์ให้เธอ และสงสัยว่าเป็นมะเร็งรังไข่ ก่อนที่จะเกิดโรค น้ำหนักของจงหลันหัวอยู่ที่ 52 กิโลกรัม หลังจากเกิดโรคแล้วลดลงเหลือ 40 กิโลกรัม คุณหมอแนะนำให้ทำการรักษาโดยการผ่าตัด แต่จงหลันหัวไม่เห็นด้วย เธอเลือกรักษาโดยการอยู่บ้านทานยาสมุนไพรจีนของอินโดนีเซีย
ผ่านไปสามเดือน ท้องของจงหลันหัวโตขึ้นทุกวันอย่างช้าๆ จึงไปโรงพยาบาลท้องถิ่นอีกครั้ง คุณหมอบอกว่าที่ท้องบวมโตเป็นเพราะว่ามีน้ำเต็มท้อง จึงดูดน้ำออกให้เธอ แต่ไม่ได้ทำการรักษาเพื่อต้านมะเร็ง ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ของจงหลันหัวจึงเกลี้ยกล่อมให้เธอไปรักษาที่สิงคโปร์หรือมาเลเซีย
ต่อมาจงหลันหัวได้ทราบข่าวโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวจากหนังสือพิมพ์ ในวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 2011 จึงมาที่เมืองกว่างโจวประเทศจีนเป็นครั้งแรก การตรวจ CT ยืนยันว่า เป็นมะเร็งรังไข่ ลุกลามไปยังลำไส้ตรง กระเพาะปัสสาวะ ตับและกะบังลม มีน้ำคั่งในช่องอกทั้งสองข้าง ALB : 20g/l CA125 : 1259.39 CA153 : 46.6 CA199 : 53.82 เนื่องจากมีน้ำในท้องอย่างมาก จงหลันหัวจึงต้องเดินโขยกเขยกท้องโต เมื่อย้อนคิดถึงความลำบากในเวลานั้น เธอบรรยายว่า “ตอนนั้นท้องของฉันโตกว่าผู้หญิงที่ท้องสิบเดือนเสียอีก เหมือนท้องลูกแฝดเลย” เธอปวดจนไม่สามารถนอนราบหรือนอนตะแคงบนเตียงได้ ทำได้แค่นั่งเท่านั้น
หลังจากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ทีมผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีเผิงเสี่ยวชื่อเป็นหัวหน้าทีม ใช้วิธีการรักษา “เจาะจงและบาดแผลเล็ก บูรณาการแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบัน” โดยดูดน้ำออกจากท้องให้ผู้ป่วยก่อน น้ำในช่องท้องทั้งหมด 21 ลิตรและน้ำคั่งในช่องอก 2 ลิตร หลังจากถ่ายน้ำจากช่องอกและท้องแล้วก็สวนยาเข้าไปเพื่อทำการรักษา เมื่อรักษาไปแล้วหนึ่งเดือน ท้องที่โตก็ค่อยๆ หายไป จงหลันหัวรู้สึกสบายขึ้นทันที ต่อมาจึงทำการรักษาแบบบูรณาการโดยวิธีภูมิคุ้มกันบำบัด การรักษาเฉพาะจุดผ่านหลอดเลือด การรักษาด้วยยาแผนจีนและการรักษาตามอาการ เป็นต้น อาการของเธอดีขึ้น สามารถเดินได้อย่างปกติ สามารถนอนราบหลับได้อย่างสบาย สามารถดื่มและทานอาหารได้เป็นปกติ ร่างกายฟื้นตัวอย่างช้าๆ
หลังการรักษาครั้งแรกเสร็จสิ้น จงหลันหัวก็กลับประเทศอินโดนีเซีย ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ต่างก็บอกว่า เธอได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง ตอนที่ไปโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวครั้งแรก เธอผอมมาก ท้องก็โตมาก แต่ตอนนี้กลับมาจากโรงพยาบาล ท้องที่โตก็หายไป ร่างกายดูมีเนื้อขึ้น เธอกลับมาสวยเหมือนแต่ก่อนแล้ว หลังจากนั้นก็ไปตรวจ CT ที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเป็นครั้งที่สอง ผลการตรวจระบุว่า มะเร็งรังไข่ที่ลุกลามไปยังลำไส้ตรง กระเพาะปัสสาวะและตับเล็กลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ส่วนที่ลุกลามไปกะบังลมก็ไม่มีแล้ว เธอมารักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวทั้งหมดสามครั้ง วิธีการรักษาที่ทำให้เธอประทับใจมากที่สุดก็คือ วิธีการรักษาโดยภูมิคุ้มกันบำบัด “ การทำภูมิคุ้มกันบำบัดก็คือ การเจาะเลือดออกจากร่างกายของตนเอง แล้วนำไปเพาะเลี้ยงที่ห้องทดลอง จากนั้นจึงฉีดกลับเข้าไปในร่างกายอีกครั้ง ระหว่างการรักษาจะไม่มีความรู้สึกไม่สบายใดๆ เลย หลังจากรักษาแล้วรู้สึกว่ามีแรงมากขึ้น ความอยากอาหารมากขึ้น ทานอาหารมากขึ้น อีกทั้งนอนหลับสบายขึ้น น้ำหนักก็เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ในระหว่างการรักษา จงหลันหัวได้ประเมินการบริการของโรงพยาบาลว่า “ฉันคิดว่าโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวดีมาก เพราะว่าคุณหมอทำงานกันเป็นทีม ฉันไม่ต้องไปแผนกอายุรกรรมก่อนค่อยย้ายไปแผนกสูตินรีเวชแล้วก็ย้ายไปแผนกมะเร็ง ในระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล ฉันและคุณแม่เคยเข้าร่วมฟังการบรรยายความรู้สุขภาพเนื่องในวันมะเร็งโลกที่โรงพยาบาลจัดขึ้น เราได้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็ง คุณแม่ของฉันก็ได้เรียนรู้วิธีการดูแลพยาบาลด้านชีวิตประจำวันและอาหารการกินของผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังจัดกิจกรรมให้ผู้ป่วยและครอบครัวไปเที่ยวช้อปปิ้งนอกสถานที่ ฉันเคยไปเดินซื้อของที่ถนนปักกิ่ง สวนสาธารณะเยว่ซิ่วและพิพิธภัณฑ์กว่างโจว ที่ประเทศอินโดนีเซียก็มีแหล่งร้านค้ามากมาย เมื่อเทียบกับการเดินช้อปปิ้งแล้ว ฉันชอบไปเที่ยวชมทิวทัศน์สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากกว่า เพระว่าท่ามกลางทิวทัศน์ผู้ป่วยสามารถผ่อนคลายได้ทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อต่อสู้กับมะเร็งด้วยสภาพจิตใจที่ดีขึ้น”
จงหลันหัวเป็นแม่บ้านฝีมือดี ก่อนเป็นโรคเธอจะดูแลลูกๆ อยู่ที่บ้านตลอด สิ่งที่เธอชอบทำมากที่สุดก็คือ ทำขนมเค้กแสนอร่อยให้ครอบครัวทาน เธอมีลูกชายสองคน คนหนึ่งเรียนมหาวิทยาลัยและอีกคนเรียนมัธยม ลูกสาวคนเล็กสุดเพิ่งอายุ 6 ขวบ เท่านั้น สามีของเธอทำธุรกิจ จึงค่อนข้างยุ่ง คุณแม่เป็นคนพาจงหลันหัวไปรักษาที่เมืองกว่างโจว สามีเลยต้องรับหน้าที่ดูแลลูกๆ ไปด้วย
ความหวังสูงสุดของจงหลันหัวในตอนนี้คือ อยากให้สุขภาพร่างกายฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว เฝ้าดูลูกๆ เติบโตขึ้นอย่างช้าๆ
ผู้ป่วยและคุณหมอไต้เหวินเยี่ยนจากโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว
Give me five ขอบคุณความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ซึ่งทำให้ผู้ป่วยประสบความสำเร็จบนเส้นทางการต่อสู้มะเร็ง
ผู้ป่วยซึ่งกลับมามีสุขภาพแข็งแรงและสวยงามขึ้นอีกครั้ง ถ่ายภาพร่วมกับผู้อำนวยการหลินเส้าหัวและคุณหมอไต้เหวินเยี่ยน