นายรวนหงเหอมาจากฮานอยประเทศเวียดนาม ทักทายกับทุกคนอย่างอารมณ์แจ่มใสทุกวัน และตื่นแต่เช้าไปเล่นไท้เก็กและชี่กงที่สวนชั้นสาม ดูเหมือนว่าเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรง แต่ใครจะรู้เขาเคยเผชิญหน้ากับความทรมาณที่อันตรายมาก
การออกกำลังกายอย่างแข็งขันก็จะเป็นมะเร็งได้
ในเดือนกรกฎาคม 2554 นายรวนหงเหออยู่บ้าน แต่อยู่ดีๆเลือดกำเดาไหล และเห็นในกระจกว่ามีก้อนเนื้อในลำคอด้านขวา แต่เพราะเวลากดลงไปไม่มีความเจ็บปวด จึงไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ตามเวลาผ่านไป ก้อนเนื้อในลำคอก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อนเห็นแล้วก็บอกว่าน่าจะเป็นโรคมะเร็ง เสนอให้เขาไปตรวจที่โรงพยาบาล เพื่อไม่ให้ครอบครัวเป็นห่วง นายรวนหงเหอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลท้องถิ่น ผลการตรวจพบว่าเขาเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก ถึงวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง แต่เขาไม่ได้ท้อแท้ใจหรือยอมแพ้ เขายอมรับผลวินิจฉัยอย่างสงบสติอารมณ์ และตัดสินใจว่าจะต่อสู้กับมะเร็งด้วยความอุตสาหะของตนเอง
ในช่วงเวลาการรักษาที่เวียดนาม คุณหมอได้บรรยายอาการให้นายรวนหงเหอ นายรวนหงเหอจึงตระหนักว่ามะเร็งเป็นโรคที่น่ากลัวมากและเริ่มเกิดความรู้สึกหวาดกลัว เขากลัวจะจากลูกสาวและภรรยาเขาไป แต่เนื่องจากระดับการแพทย์และการใช้ยาจำกัด สุขภาพเขาค่อย ๆ เลวร้ายลง ถึงทำเป็นไม่เป็นห่วง แต่ภรรยาเขาก็แอบร้องไห้บ่อย ๆ ภรรยารู้สึกว่าการที่สามีเป็นมะเร็งก็ราวกับการถูกลงโทษประหารชีวิต การรักษาครั้งแล้วครั้งเล่าก็ทำให้ผิดหวังทุกครั้ง เห็นสามีได้รับความทรมานจากโรคจนผอมลงเรื่อย ๆ ภรรยาก็รู้สึกเจ็บใจเหลือทน
การดูแลใส่ใจอย่างรอบคอบให้ความเชื่อมั่น
ถึงผลการรักษาไม่ได้เป็นที่เห็นได้ชัด แต่นายรวนหงเหอกับครอบครัวเขาไม่ได้หมดความหวังแต่อย่างใด ยังพยายามแสวงหาวิธีการรักษา โดยบังเอิญนายรวนหงเหอกับภรรยาทราบถึงโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กวางโจวจากหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ เทคโนโลยีการรักษาที่แนะนำได้ดึงดูดความสนใสพวกเขา ดังนั้นพวกเขาไปปรึกษาที่สำนักงานประจำฮานอยของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กวางโจว เมื่อได้คำปรึกษาอย่างละเอียดแล้ว นายรวนหงเหอกับภรรยาติดสินใจว่าจะออกเดินทางไปกวางโจวประเทศจีนเพื่อรักษาโรค
หลังจากการเดินทางที่ยาวไกล นายรวนหงเหอและภรรยารู้สึกเหนื่อยมากเมื่อถึงโรงพยาบาลมะเร็วสมัยใหม่กวางโจว แต่นางพยาบาลของโรงพยาบาลก็ได้รับรองพวกเขาและจัดห้องพักผู้ป่วยให้อย่างกระตือรือร้น ถามพวกเขาอย่างละเอียดว่ามีอะไรต้องการช่วย และบอกพวกเขาคุณหมอจะจัดการตรวจร่างกายให้โดยเร็วที่สุด ซึ่งทำให้นายรวนหงเหอและภรรยารู้สึกสบายใจมาก คุณต้ายซึ่งเป็นผู้อำนวยการและคุณล่ายซึ่งเป็นนายแพทย์รีบมาห้องพักของนายรวนหงเหอ เมื่อได้สอบถามอาการและสุขภาพของเขาอย่างละเอียดแล้วก็จัดการตรวจร่างกายให้เขา และบอกว่าผลการตรวจจะออกหลังสามวัน หลังจากนั้นผู้เชี่ยวชาญจะประชุมและวางแผนการรักษาตามอาการ อายุและสภาพร่างกายเขา
โดยการตรวจแล้ว วินิจฉัยว่านายรวนหงเหอเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกและเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังหลายที่ สามวันผ่านไป คุณต้ายและคุณล่ายมาห้องพักนายรวนหงเหอพร้อมกับล่าม และอธิบายการพัฒนาของอาการ แผนการรักษาและผลการรักษา เป็นต้น
เมื่อฟังแล้ว นายรวนหงเหอบอกภรรยาอย่างตื่นเต้นว่า ผมอาจจะรอดชีวิตแล้ว ภรรยาเขาก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน เวลานึกถึงเรื่องนี้นายรวนหงเหอกับภรรยาก็รู้สึกว่าการรักษาของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กวางโจวเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยมีการดำเนินการเพื่อให้ความมั่นในแก่ผู้ป่วย
ต่อสู้กับโรคมะเร็งด้วยความบากบั่น
คุณต้ายและคุณถังรักษามะเร็งนายรวนหงเหอโดยรวมวิธีการอุดเส้นเลือดเฉพาะจุด การบำบัดโดยวิธีจี้เย็น และการฝังไอโอดีนกัมมันตรังสี โดยผ่านการรักษา การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง (Metastasis) ในตับก็ค่อย ๆ ลดน้อยลง ซึ่งช่วยลดความเจ็บปวดได้ 90% การดูแลรักษาของนางพยาบาลก็ทำให้ร่างกาย ความต้องการอาหารและสภาพจิตใจของเขาดีขึ้นอย่างชัดเจน นายรวนหงเหอคิดว่าการต่อสู้กับมะเร็งไม่เพียงแต่ต้องอาศัยคุณหมอ ยังต้องอาศัยความอุตสาหะของผู้ป่วยด้วย เพราะฉะนั้น ตั้งแต่เป็นมะเร็งเป็นต้นมาเขาก็ตื่นเช้าและออกกำลังกายทุกวัน
ในช่วงต้นที่เพิ่งมาโรงพยาบาล ถึงร่างกายยังอ่อนแอมาก แต่เขายังเข้าร่วมกิจกรรมของโรงพยาบาลอย่างแข็งขัน ที่ทำให้ประทับใจที่สุดก็คือการล่องเรือแม่น้ำจูเจียง บนเรือเขาได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามของต่างประเทศและยังได้รู้สึกความงามของชีวิต ซึ่งสร้างความมั่นใจให้เขามากขึ้นในการต่อสู้กับมะเร็ง เขาชอบกิจกรรมกลางแจ้งอย่างนี้มาก
เขารู้สึกว่ากิจกรรมเหล่านี้สามารถทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีความสุขและเสริมพลังงานบวกให้ผู้ป่วยที่จะต่อสู้กับโรคมะเร็ง
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่นายรวนหงเหอมารักษาโรคที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กวางโจว วันที่จะกลับบ้านก็ค่อย ๆ ใกล้เข้ามา เขาบอกภรรยาว่าสิ่งที่อยากทำที่สุดก็คือกลับไปฟาร์มบ้านของเขา จะดูสภาพของฟาร์มตอนนี้ ได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วภรรยาก็ยิ้มอย่างสบายใจเพราะคำพูดนั้นได้แสดงว่าสภาพจิตใจและร่างกายสามีดีขึ้นอย่างชัดเจน ภรรยาเขาดีใจมากและหวังว่าผู้ป่วยมะเร็งทุกคนจะยึดมั้นในการต่อสู้กับมะเร็ง