โรคมาแบบกะทันหัน ผมเกือบสูญเสียขาสองข้างไป
ก่อนที่จะเป็นโรคนี้ขึ้น ผมก็คิดเหมือนคนทั่วไป ไม่รู้ว่าโรคมะเร็งคืออะไร รู้แต่ว่าถ้าเป็นโรคมะเร็ง ผู้ป่วยส่วนมากจะตายในที่สุด แต่ผมไม่เคยคิดว่า เรื่องร้ายแบบนี้จะเกิดขึ้นในชีวิตของผม ทำให้ครอบครัวของผมเกือบรับมือไม่ทัน
ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายมาก โดยเฉพาะตีกอล์ฟ ว่ายน้ำและขี่จักรยาน แต่ตั้งแต่สังเกตว่ามีเนื้องอกอยู่ในกล้ามเนื้อของแข้งเมื่อสองปีที่แล้ว เรื่องการออกกำลังกายจึงหายไปจากชีวิตของผม
ครั้งแรกที่ผมสังเกตมีเนื้องอกอยู่ในกล้ามเนื้อแข้งคือปี 2009 ทีแรกผมคิดว่าที่บวมอยู่นั้นเกิดขึ้นจากการเหน็ดเหนื่อย ถ้านวดแล้วน่าจะหายได้ แต่นวดมาเป็นระยะหนึ่ง ที่บวม ๆ นั้นกลับใหญ่ขึ้นและรุนแรงขึ้นจนทำให้ผมเกือบเดินไม่ไว้เพราะรู้สึกปวดเมื่อยมาก
ผมจึงมาตรวจที่โรงพยาบาลในจาการ์ตาพร้อมกับภรรยาย ผล MRI ปรากฏว่ามีเนื้องอกอยู่ในกล้ามเนื้อแข้ง ข่าวนี้ทำให้ครอบครัวผมตกใจมากเพราะในประวัติโรคของครอบครัวไม่มีใครเคยเป็นเนื้องอกเลย เมื่อทราบข่าวนี้แล้ว ผมมีความรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็น ร่างกายผอมลงไปทุกวัน สิ่งที่ผมคิดมีแต่เรื่องหนึ่ง คือ รีบรักษาให้หายดี ผมจึงตัดสินใจรักษาโดยผ่าตัดตามคำแนะนำของหมอ เพื่อเอาเนื้องอกออกจากร่างกายของผม และต้องทำรังสีบำบัดเรื่อย ๆ หลังผ่านรังสีบำบัดมาทั้งหมด 35 ครั้ง ผมรู้สึกอาการดีขึ้นแล้ว แต่เมื่อผมเตรียมพร้อมที่จะเริ่มชีวิตใหม่ ชะตากรรมกลับเล่นกับผมอีกครั้ง
ในต้นปี 2012 โชคร้ายเข้ามาที่ตัวผมอีก คราวนี้ผมไม่ใช่คนโชคดีเหมือนแต่ก่อนแล้ว ผล MRIพบว่าเป็นเนื้องอกอยู่ในกล้ามเนื้อแข้งอีก เนื้องอกนั้นยังย้ายไปที่ปอดและมีอาการต่อมน้ำเหลืองบวม หมอบอกว่าอาการโรคของผมอยู่ระยะสุดท้ายแล้ว แนะนำให้ผมรักษาโดยตัดขา แต่การตัดขาหมายถึงผมต้องสูญเสียขาสองข้างของผมตลอดชีวิต ยังไงผมก็รับไม่ได้ ผมจึงปฏิเสธการรักษาโดยตัดขา และพยายามค้นหาวิธีการรักษาที่ทันสมัย หวังว่าจะได้รักษาขาสองข้างของผม
การนั่งเครื่องบินมารักษา ช่วยให้ผมมีความหวังใหม่
ผมคิดว่าเทพเจ้ายุติธรรมต่อทุกคน เมื่อเทพเจ้าปิดประตูบานนี้แล้ว เขาย่อมจะช่วยเปิดหน้าต่างอีกบานหนึ่งให้ วันนั้นตอนนั่งอยู่บนเครื่องบินที่กำลังบินกลับจาการ์ตา เป็นเวลาที่ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่สุดในชีวิต เพราะผมได้เห็นข่าวที่บอกว่า การใช้ความเย็นของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว เป็นวิธีรักษาโรคมะเร็งเฉพาะโดยไม่ต้องตัดขา ขณะนั้นผมรู้ว่าผมจะไม่ต้องสูญเสียขาสองข้างแล้ว เมื่อลงจากเครื่องบิน ผมค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวและวิธีการใช้ความเย็น ซึ่งทำให้ผมติดสินใจมารักษาที่ประเทศจีน
เมื่อครั้งแรกมารักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ผมได้พูดกับคุณหมอนางหู หยิงว่าผมไม่อยากสูญเสียขาสองข้างของผม คุณหมอยิ้มขึ้นและปลอบผมว่า “ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุณจะไม่สูญเสียขาสองข้างไป โรงพยาบาลของเราใช้วิธีการรักษาแบบบาดแผลเล็ก ถ้าไม่จำเป็น เราจะไม่แนะนำรักษาโดยผ่าตัด“ คำพูดของคุณหมอช่วยให้ผมหายความห่วงทั้งหมด
การรักษาแบบบาดแผลเล็ก ช่วยผมมีชีวิตอย่างคนทั่วไป
หลังผ่านการตรวจอย่างละเอียด ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวได้วางแผนการรักษาโดยใช้ความเย็น วิธีเซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัดและวิธีเคมีบำบัดโดยอุดเส้นเลือดเฉพาะจุด คุณหมอบอกว่าวิธีการใช้ความเย็นรวมอยู่ในการรักษาแบบบาดแผลเล็ก ซึ่งก็คือ การใช้ความเย็นจากผิวหนังเจาะถึงเนื้องอกโดยตรงภายใต้การนำทางจากภาพถ่าย อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วทำให้เนื้องอกกลายเป็นลูกบอลน้ำแข็ง หลังจากนั้นก็ให้อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูกบอลนั้นจะละลายอย่างกะทันหันจนแตกในที่สุด เพื่อทำลายเนื้อเยื่อของเนื้องอก ทั้งหมดนี้จะดำเนินอยู่ในเนื้อเยื่อ ผมจะไม่มีความรู้สึกที่ไม่สบาย ซึ่งความจริงก็ได้พิสูจน์คำพูดของผมแล้ว
ทักษะที่ทันสมัยรวมทั้งการดูแลเอาใจใส่ที่ดี ช่วยให้อาการของผมหายดีได้เร็วกว่าที่คาดหวังไว้ ในการรักษาระยะสุดท้าย คุณหมอนางหู หยิงดูแลเอาใจใส่ผมดีมากเหมือนญาติของเธอเอง และไม่เพียงแต่อยู่ในโรงพยาบาลเท่านั้น ตอนที่ผมกลับบ้านแล้ว เราก็ยังคุยโทรศัพท์บ่อย ๆ เธอมักจะเตือนให้ผมระมัดระวังในชีวิตประจำวัน และต้องปรับตัวยังไงให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของอากาศและสิ่งแวดล้อมด้วย ทั้งนี้ช่วยให้อาการของผมหายดีได้เร็วกว่าปกติ
นี่เป็นครั้งที่ห้าที่ผมมารักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว บัดนี้เนื้องอกในกล้ามเนื้อแข้งเล็กลงไปตั้งเยอะ ต่อมน้ำเหลืองที่บวมอยู่นั้นก็หายไปแล้ว คุณหมอพูดกับผมว่า “ผมของคุณจะออกใหม่ในเร็ว ๆ นี้ค่ะ ” ซึ่งทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจยิ่งขึ้น และผมเชื่อมั่นว่า ถ้าผมพยายามมารักษาอย่างต่อเนื่อง วันที่ผมกลับไปตีกอล์ฟนับวันจะถึง