วันที่ 20 เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2012 ทางโรงพยาบาลได้รับผู้ป่วยพิเศษเข้ามา เขาคือหร่วนเหวินตัว เด็กชายอายุเพียง 4 ขวบที่มาจากเวียดนาม เด็กน้อยหน้าตาน่าเอ็นดู แต่โชคไม่ดี มีเนื้องอกขนาดใหญ่เกิดขึ้นบนใบหน้าด้านขวาของเขา เนื้องอกกดทับจมูกและปากของเขา ทำให้รูปหน้าเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้หร่วนเหวินตัวหายใจและทานอาหารลำบาก หากไม่สามารถหาวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพได้ ชีวิตของเขาก็จะเป็นอันตราย พ่อแม่ที่ดูอิดโรยพาลูกชายเดินทางจากเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม มารักษายังประเทศจีน พวกเขาบอกว่า ขอแค่ยังมีความหวัง แม้เพียงริบหลี่ ก็จะใช้ความรักที่มีทั้งหมดสร้างชีวิตที่สวยงามและอนาคตที่มีความสุขให้กับลูกชาย
การวินิจฉัยอาการผิดพลาด ทำให้การรักษาล่าช้า
เมื่อ 3 ปีก่อนหร่วนเหวินตัวประสบอุบัติเหตุทำให้บริเวณใบหน้าซีกขวาบวม ทุกคนต่างคิดว่านี่เป็นเพียงอุบัติเหตุธรรมดา นึกไม่ถึงว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้าย อาการบวมเป็นเวลานาน ทำให้คุณแม่สังเกตเห็นความผิดปกติ เธอจึงพาหร่วนเหวินตัวมาตรวจที่โรงพยาบาลในพื้นที่ คุณหมอวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ฝันร้ายนี้สร้างความตกใจให้คุณแม่อย่างมาก แต่ก็ทำได้เพียงอุ้มลูกไว้และร้องไห้เงียบๆ บนเส้นทางอันน่าเศร้านี้ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่เริ่มพาหร่วนเหวินตัวไปรักษาด้วยการทำคีโมครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่าอาการก็ไม่ดีขึ้น
เมษายน ปี ค.ศ. 2010 คุณพ่อคุณแม่พาหร่วนเหวินตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์หู จมูก คอ ณ ที่แห่งนี้ พวกเขาได้รับการบอกกล่าวว่า หร่วนเหวินตัวไม่ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแต่เป็นมะเร็งกล้ามเนื้อลาย เนื่องจากการวินิจฉัยที่ผิดพลาด ทำให้การรักษาถูกชะลอเวลาออกไป อาการจึงหนักขึ้น ใบหน้าด้านขวาของหร่วนเหวินตัวบวมขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ ทางโรงพยาบาลเริ่มให้คีโมกับหร่วนเหวินตัวอีกครั้ง หร่วนเหวินตัวที่ทำคีโมมาแล้วทั้งหมด 9 ครั้ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาต้องอดทนต่อความเจ็บปวดจากอาการผมร่วงและการอาเจียน ความทรมานที่แม้แต่ผู้ใหญ่คนหนึ่งยังไม่สามารถรับไหว แต่กลับต้องให้เด็กอายุเพียงสามสี่ขวบแบกรับไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า ความเจ็บปวดและความอ่อนแอของลูกน้อย ทำให้จิตใจของผู้เป็นพ่อและแม่ต้องทุกข์ทรมาน หลังจากเข้ารับการผ่าตัดและทำคีโม หร่วนเหวินตัวมีอาการดีขึ้น แต่เมื่อผ่านไป 4 เดือนอาการก็กำเริบ เนื้องอกเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลศูนย์หู จมูก คอ ก็ไม่มีวิธีการรักษาที่ดีกว่านี้ จึงแนะนำให้พวกเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวในประเทศจีน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่รักษามะเร็งโดยเฉพาะ สามารถรักษามะเร็งทุกชนิดอย่างเฉพาะเจาะจง มะเร็งกล้ามเนื้อลายพบได้ไม่บ่อยนัก อาจจะมีเพียงที่นี่ถึงจะได้รับการรักษาที่ดีได้
หาวิธีรักษาข้ามประเทศอย่างไม่ยอมแพ้
การไปรักษาที่จีนอาจจะเป็นความหวังสุดท้ายของหร่วนเหวินตัว แต่เงินที่มีก็ใช้ไปกับการรักษาก่อนหน้านี้จนหมด สำหรับครอบครัวที่ทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก การไปรักษาที่จีนจึงถือเป็นการเพิ่มความลำบากขึ้นไปอีก แล้วจะมีกำลังส่งไปรักษาที่จีนหรือ คุณปู่คุณย่าและคุณพ่อคุณแม่มีความเห็นที่ขัดแย้งกันในเรื่องนี้ แต่เมื่อผ่านการพูดคุยและการตัดสินใจแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังคงยืนกรานในความคิดเดิม ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ต้องช่วยชีวิตลูกไว้ให้ได้ จะไม่ทิ้งโอกาสในการรักษาเด็ดขาด
หลังจากที่พ่อแม่ของหร่วน เหวิน ตัว ไปขอยืมเงินจากญาติมิตรแล้ว สามารถรวบรวมเงินมาได้เกือบ 20,000 หยวนและบินไปรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว เวลานี้ใบหน้าของหร่วนเหวินตัวได้เปลี่ยนรูปอย่างรุนแรง หายใจไม่สะดวก ไม่สามารถอ้าปากได้ แม้กระทั่งการให้อาหารทางสายยางก็ยังเป็นเรื่องที่ลำบาก คุณหมอไต้เหวินเยี่ยนหัวหน้าทีมแพทย์โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว และคุณหมอไล่เพ่ยเซิงแพทย์เจ้าของไข้ เห็นหร่วนเหวินตัวผู้โชคร้ายแล้ว ต่างก็รู้สึกเศร้าใจ พวกเขาจึงรวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญ ดำเนินการตรวจหร่วนเหวินตัวอย่างละเอียด ผลวินิจฉัยสรุปออกมาว่าเป็นมะเร็งกล้ามเนื้อลายใบหน้าซีกขวา เนื่องจากหร่วนเหวินตัวอายุค่อนข้างน้อย ถือว่าเป็นมะเร็งกล้ามเนื้อลายในเด็ก และอยู่ในระยะที่สาม ไม่สามารถรักษาโดยวิธีการผ่าตัดได้ สุดท้ายผู้เชี่ยวชาญได้ปรึกษากันและกำหนดแผนการรักษาโดยการใช้เคมีบำบัดสีเขียว แม้ว่าหร่วนเหวินตัวจะผ่านการทำคีโมมาแล้ว 9 ครั้ง แต่ไม่ได้ประสิทธิผลที่ดีนัก วิธีคีโมบำบัดสีเขียวของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวพัฒนามาจากคีโมบำบัดแบบดั้งเดิม สามารถหลีกเลี่ยงผลเสียอย่างเหมาะสม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาให้สูงขึ้นมาก และช่วยลดผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น คีโมบำบัดสีเขียวสามารถจัดการมะเร็งได้ตรงจุดและมีความเฉพาะเจาะจง โดยอาศัยกลไกการเกิดโรคจากโมเลกุลของมะเร็ง เหมือนขีปนาวุธที่มีความแม่นยำสูง สามารถเล็งได้ตรงจุดและกำจัดเซลล์มะเร็งได้โดยตรง โดยไม่ทำลายเซลล์ปกติที่อยู่รอบๆ หัวหน้าทีมแพทย์และทีมผู้เชี่ยวชาญมีความเข้าใจอย่างละเอียดในความแตกต่างทางร่างกายของเด็กกับผู้ใหญ่ จึงมีการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดทั้งในการเลือกตัวยาเคมี ปริมาณที่ใช้ และระยะห่างของเวลา หลังจากรับการรักษาแล้ว อาการของหร่วนเหวินตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ก้อนเนื้อมีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด สามารถอ้าปากได้หนึ่งในสาม และสามารถเคี้ยวอาหารได้บ้าง สิ่งนี้ทำให้พ่อแม่เห็นความหวังในการรักษามากขึ้น
ความรักไม่มีขอบเขต ใช้หัวใจในการช่วยเหลือ
แต่เนื่องจากความกดดันทางการเงินที่มีมาก ทำให้พ่อแม่ที่ยังหนุ่มยังสาวแบกรับไม่ไหว หลังจากรวบรวมเงินที่ยืมมาได้เกือบ 20,000 หยวนบินไปรักษาจีนแล้ว ต้องเผชิญหน้ากับค่ารักษาที่เหลือ ก็จนปัญญาจะแบกรับได้ บ้านเกิดที่ฮานอย สองสามีภรรยาอาศัยการทำเกษตรกรรมเลี้ยงชีวิต รายได้แต่ละเดือนเฉลี่ยเพียง 1,000 เท่านั้น ครั้งนี้กู้หนี้ยืมสิน ใช้ทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดไปกับการรักษาหร่วนเหวินตัว ทำให้ตอนนี้พวกเขาไม่เหลือเงินติดตัว ในสถานการณ์ที่บีบบังคับ ทำให้ปู่ย่าที่ชราภาพต้องแบกสังขารไปเป็นแรงงาน
เมื่อผู้นำของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวได้รับทราบเรื่อง ก็ได้กล่าวต่อแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวว่า “หวังอยากให้ทุกคนมีจิตเพื่อมนุษยธรรม จัดกิจกรรมรวบรวมเงินบริจาคภายในโรงพยาบาล วันที่ 13 กรกฏาคม บุคลากรโรงพยาบาลกว่า 300 คน ได้ร่วมกันจัดทำกิจกรรมบริจาคเงิน ณ ห้องโถงโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ซึ่งครั้งแรกรวบรวมเงินได้ 5620 หยวน แต่ที่ทำให้ประทับใจคือ ญาติผู้ป่วยจากศูนย์รักษามะเร็งนานาชาติก็ได้แสดงน้ำใจเข้าร่วมบริจาคในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย ในขณะเดียวกัน ทางโรงพยาบาลยังลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือให้หร่วนเหวินตัวสามารถข้ามผ่านอุปสรรคไปได้ ในขณะที่โรงพยาบาลทำการรักษาช่วยชีวิตผู้ป่วยนั้น ก็ได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมด้วยเช่นกัน เรานำความรักความเมตตาส่งไปยังผู้ป่วยทั้งในและต่างประเทศ มีความกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมกิจกรรมทำกุศลเพื่อสังคม เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสุขภาพของมนุษยชาติยิ่งขึ้น
เมื่อแม่ของหร่วนเหวินตัวได้รับเงินบริจาค ก็รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาอาบแก้ม เธอรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจต่อความกระตือรืนในการบริจาคช่วยเหลือที่บุคลากรทั้งหมดในโรงพยาบาลมีให้ รวมถึงน้ำใจและความช่วยเหลือทั้งด้านการรักษาและการดำเนินชีวิต ความรู้สึก “ความมีสามัญสำนึก” ที่ทางโรงพยาบาลมอบให้ ทำให้ผู้ป่วยต่างประเทศรู้สึกถึงความอบอุ่น
ความรักทำให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
เนื่องจากการรักษาครั้งแรกได้ผลที่ดี หร่วนเหวินตัวจึงรักษาต่อที่โรงพยาบาลอีกสองครั้ง นัดรักษาซ้ำครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 2012 เนื่องจากอาการของหร่วนเหวินตัวที่มีการเปลี่ยนแปลง ทีมผู้เชี่ยวชาญจึงปรับเปลี่ยนแผนการรักษา โดยใช้การรักษาแบบคีโมเฉพาะจุด อาศัยการฉีดสารอุดหลอดเลือดและยาเคมีที่ส่งผ่านท่อที่สอดเข้าไปในหลอดเลือดแดงไปยังภายในก้อนเนื้อโดยตรง สารอุดหลอดเลือดและยาเคมีที่ผสมกัน นอกจากจะทำหน้าที่อุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงก้อนเนื้อ ยังเป็นการรักษาได้เฉพาะจุดอีกด้วย ในขณะเดียวกันก็ไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการทำคีโมทั้งตัว กันยายน ปี ค.ศ. 2012 นัดรักษาซ้ำครั้งที่สอง ทีมผู้เชี่ยวชาญยังคงดำเนินการรักษาหร่วนเหวินตัวด้วยวิธีคีโมเฉพาะจุด เมื่อผ่านการรักษาซ้ำสองครั้ง ก้อนเนื้อบนใบหน้าก็ค่อยๆ เล็กลง จากเดิมที่มีขนาด 15x12x10 ซม. ลดลงเหลือ 9x6x2 ซม. ด้วยความดูแลอย่างใกล้ชิดจากพยาบาล ของหร่วนเหวินตัวมีอาการที่ดีขึ้น และค่อยๆ กลับมาร่าเริงเหมือนเด็กทั่วๆ ไป ทุกๆ วันเขาจะให้แม่พาไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เราจะเห็นความร่าเริงของเขาในโรงพยาบาลอยู่เสมอ
ก่อนหน้าที่จะมารักษาซ้ำครั้งที่สองนั้น คุณพ่อคุณแม่ได้พาหร่วนเหวินตัวมาที่สำนักงานโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวประจำเมืองฮานอยในประเทศเวียดนาม พวกเขาใช้ภาษาธรรมดาๆ แสดงความขอบคุณจากใจจริงว่า แต่เดิมลูกที่เหมือนถูกต้อง “โทษประหารชีวิต” กลายเป็นตอนนี้ลูกยังคงอยู่ข้างกายตนเอง และอาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น ชีวิตเริ่มกลับมาเป็นปกติ นี่คือความสุขที่ผู้เป็นพ่อและแม่ต้องการมากที่สุด