เฉินหยวนเป็นคนชาวกัมพูชา
เขาเล่าว่าแต่งงานกับภรรยามานานกว่าสามสิบปี ภรรยาของเขานั้นมีสุขภาพร่างกายอ่อนแอ แต่ก็เป็นคนอดทนมาก
หลังจากที่แต่งงานกันเขามีทั้งอิสระและอำนาจจากภรรยา ครั้งแรกที่ภรรยาได้โกหกเขาคือในขณะที่ภรรยาทราบว่าเขาเป็นโรคมะเร็งแต่กลับบอกว่าเป็นเพียงโรคปอดธรรมดา ความจริงแล้วภรรยาต้องทนกับความกลัวและความเศร้าโศกเพียงคนเดียว พยายามที่จะหาทางรักษาและหวังว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น
การเกิดขึ้นของโรคมะเร็ง
เมื่อเดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2554 เฉินหยวนเริ่มมีอาการไอ ภรรยาของเขาคิดว่าเนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลงจึงไม่ได้ให้ความสำคัญมาก เพียงเตือนเขาให้ดื่มน้ำเยอะๆ แต่เมื่อผ่านไปหนึ่งเดือน อาการไอทั้งกลางวันและกลางคืนของเฉินหยวนก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย แพทย์ที่กัมพูชาจึงเริ่มให้เฉินหยวนทานยาแก้อักเสบและยาแก้ไอมากขึ้น แต่อาการไอก็ไม่ทุเลาลงกลับมีอาการไอในแต่ละวันมากยิ่งขึ้นทวีคูณ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2555 เฉินหยวนมีอาการไอรุนแรงมาก โดยเฉพาในเวลากลางคืนนับวันอาการยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เฉินหยวนมีความรู้สึกว่าปอดของตนนั้นจะระเบิด ภรรยาและลูกๆ นอนไม่หลับเนื่องจากได้ยินเสียงไอของเขา เฉินหยวนเต็มไปด้วยความสงสัยจึงไปพบแพทย์เพียงลำพัง สิ่งที่แพทย์ตอบกลับมาคือ เป็นเพียงอาการไอติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้นและไม่มีคำแนะนำอะไรอย่างอื่นอีกเลย
อาการไอทำให้เฉินหยวนมีอาการปวดบริเวณเอว หายใจติดขัด นอนไม่หลับและร่างกายค่อยๆ ซูบผอมลง เมื่อเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 เฉินหยวนและภรรยาได้ไปตรวจร่างกายโดยรวมที่ประเทศเวียดนาม ผลตรวจจากแพทย์โดยใช้เครื่องมือกล้องส่องภายในส่องหลอดลมพบว่าเยื่อหุ้มได้ถูกทำลาย ผลตรวจจาก CT พบว่ามีก้อนมะเร็งบริเวณปอดข้างล่างซีกขวาและมีการกระจายทั่วปอด แพทย์ได้บอกภรรยาของเฉินหยวนว่า “การรักษาโรคมะเร็งนั้นมีความเสี่ยงอย่างมาก โรงพยาบาลของเราขาดอุปกรณ์เทคโนโลยีทางการแพทย์ เราจึงไม่สามารถรักษาคุณเฉินหยวนได้”
ฉันคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสามีของฉันเป็นเพียงผู้ป่วยโรคปอดธรรมดา ภรรยาของเฉินหยวนคิดย้อนกลับไปและเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจหวังว่าจะยังคงมีความโชคดีเกิดขึ้น เธอจึงตัดสินใจปกปิดผลวินิจฉัยกับเฉินหยวน เมื่อวันที่ 15 เดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2555 ภรรยาของเฉินหยวนได้ขอร้องให้ไปโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงโรคปอดแห่งหนึ่งที่ประเทศเวียดนาม เพื่อนำชิ้นเนื้อมะเร็งที่ปอดไปตรวจ เธอหวังว่าจะได้รับผลวินิจฉัยที่แม่นยำมากขึ้น แต่ครั้งนี้ผลการวินิจฉัยทำให้ภรรยาของเขาสิ้นหวัง เมื่อผลออกมาว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย โรงพยาบาลได้บอกอีกว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์ของเวียดนามนั้นไม่สามารถช่วยยืดชีวิตของสามีเธอได้
พูดตามความจริง เนื่องจากมองเห็นความหวัง
“แพทย์บอกกับฉันว่าให้สามีทานยาสมุนไพรเพื่อประคับประคองชีวิต ฉันโมโหแพทย์มากเหมือนกับคนบ้าคลั่ง ฉันต่อว่าประเทศเวียดนามที่ไม่มีเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัย ฉันรักสามีมาก แต่ที่ประเทศเวียดนามกลับหมดหนทางในการรักษาแล้วจริงๆ” ภรรยาของเฉินหยวนได้พรรณนาถึงความรู้สึกที่เป็นอยู่ในขณะนั้น เธอได้เล่าเหตุการณ์ที่ไม่สามารถช่วยสามีได้ในครั้งนี้กับเพื่อน แต่เมื่อเห็นข้อความของเพื่อนก็ทำให้เธอมีความหวังครั้งใหม่ เมื่อเพื่อนได้บอกว่ามีโฆษณาโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ภรรยาของเฉินหยวนไม่ลังเลที่จะนำรายงานผลการวินิจฉัยโรคของสามีส่งไปยังสำนักงานประเทศเวียดนามและประเทศกัมพูชาที่ออกอากาศทางโทรทัศน์
หลังจากกลับบ้านภรรยาของเขาได้พูดคุยกันในบ้านครั้งใหญ่ เธอได้บอกกับเฉินหยวนและลูกชายลูกสาวว่า มะเร็งได้ลุกลามในร่างกายของเฉินหยวน “แต่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวอาจจะสามารถช่วยชีวิตพ่อได้ เรายังคงมีความหวังเนื่องจากแพทย์ที่นั่นสามารถรับการรักษา พวกเราลองไปสักครั้งดีไหม” ความคิดของเธอได้รับความสนับสนุนจากลูกชายและลูกสาว เฉินหยวนรู้ว่าภรรยามีความทุกข์มากที่เก็บความลับนี้ไว้ หลังจากจัดการสิ่งต่างๆ แล้วเฉินหยวนและภรรยาจึงได้ขึ้นเครื่องบินมายังกว่างโจวประเทศจีน
เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยเปลี่ยนแปลงผลที่ตามมา
เมื่อมาถึงประเทศจีน เซลล์มะเร็งที่ปอดด้านซ้ายของเฉินหยวนได้ลุกลามไปในปอดและแพร่กระจายไปยังตับ กระดูกและต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ เฉินหยวนรักษาด้วยการทำคีโมที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวจำนวนสามครั้งรวมถึงการใช้ยีนบำบัดเจาะจงเซลล์มะเร็งและการใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัด “พวกเราไม่เคยได้ยินวิธีการรักษาด้วยคีโมเฉพาะจุดขนาดเล็กมาก่อน แต่ในความเป็นจริงเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก หลังจากรักษาแล้ว ผมมีอาการไอน้อยมาก ตอนนี้ภรรยาของผมสามารถนอนข้างๆ ผมโดยที่นอนหลับสนิทได้แล้ว” เฉินหยวนมีใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ”ตอนเริ่มแรกไม่อยากทานอาหาร จนมาถึงตอนนี้ความอยากอาหารนั้นเปลี่ยนแปลงดีขึ้น น้ำหนักขึ้น 3 กิโลกรัม อาการของเขาค่อยๆ ดีขึ้น ภรรยาดีใจมากที่เห็นอาการของสามีมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
“จุดหลักคือการใช้ยาเคมีบำบัดและผ่านทางผิวหนังเข้าไปเพื่อฉีดยาตรงตำแหน่งก้อนมะเร็ง” ครั้งนี้เฉินหยวนได้ทำการรักษาโดยใช้เทคโนโลยีในการทำคีโมเฉพาะจุดซึ่งมีแพทย์ชำนาญในการใช้เข็มสอดเพื่อสอดเข้าไปถึงตำแหน่งของก้อนมะเร็งได้ตรงจุด ในขณะเดียวกันก็มีความรู้ความชำนาญการผ่าตัดหลอดเลือดเป็นอย่างมาก สามารถหาหลอดเลือดของก้อนมะเร็งได้อย่างแม่นยำนอกจากนี้ยังมีพื้นฐานทางการถ่ายภาพทางการแพทย์” แพทย์เหมยเหมี่ยวแพทย์ประจำตัวของเฉินหยวนกล่าว
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถกลับบ้านเพื่อได้ใช้ชีวิตในปีสุดท้ายกับลูกชายลูกสาวทั้งสี่คน พวกเขายังวัยรุ่นและเป็นกำลังใจให้ผมมาโดยตลอด อีกทั้งภรรยาของผมเธอได้ทุ่มทั้งแรงกายแรงใจอย่างมากเพื่อผม ขอบคุณโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวที่ช่วยให้ผมได้มีเวลาใช้ชีวิตกับพวกเขาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข” ขณะออกจากโรงพยาบาล เฉินหยวนสามารถมองเห็นอนาคตที่เต็มไปด้วยความหวัง