ผมคือ RMAM รู้สึกว่าพระอัลเลาะห์อยู่ใกล้ผมมาก
ซีฮาปี่อายุ 36 ปี มาจากบังคลาเทศ อาศัยอยู่ที่เมืองหลวงธากา มีชีวิตที่บริสุทธิ์ สมบูรณ์ เขารักงานที่ทำมาก รู้สึกว่างานของตนเองนั้น “อยู่ใกล้กับพระอัลเลาะห์” เพราะเขาทำหน้าที่เป็น “RMAM”ของมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่นั้น งานด้านหนึ่งคือศึกษาค้นคว้าคัมภีร์โกหร่าน อีกด้านหนึ่งคือรับผิดชอบงานด้านการสอนเด็กๆ ในมัสยิด
หลังจากแต่งงานมาได้หนึ่งปี ครอบครัวของซีฮาปี่ก็มีสมาชิกตัวน้อยน่ารักเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน ชีวิตเต็มไปด้วยความสุข แต่ทว่า เหมือนกับพระจันทร์ที่ไม่ได้เต็มดวงเสมอทุกเวลา ชีวิตคนก็ยากที่จะหลีกหนีจากสิ่งที่ไม่สมดังใจได้ ซีฮาปี่ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยฉกรรจ์นั้น ร่างกายกลับไม่ค่อยแข็งแรง มีประวัติเป็นโรค “ไวรัสตับอักเสบบี” มา 8 ปี ประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูง 5 ปี
เปรียบเทียบกับสิงคโปร์และอินเดีย ในที่สุดก็เลือกจีน
วันที่ 1 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2556 อยู่ดีๆ ซีฮาปี่มีอาการปวดท้อง ท้องบวม อีกทั้งไอไม่หยุด อาเจียน แม้แต่อาหารก็รับประทานไม่ลง พี่สะใภ้ของเขาพาเขาไปตรวจที่โรงพยาบาล เมื่อผลการตรวจ CT ออกมา ปรากฏว่าด้านบนมีตัวเลขมากมายซึ่งเขาอ่านแล้วไม่เข้าใจ จนกระทั่งอ่านไปถึงท้ายสุด ในกรอบข้อวินิจฉัยนั้นเขียนว่า “มะเร็ง” ทำให้สมองของเขา “ตื้อ” ว่างเปล่าไปหมดหลังจากมีสติขึ้น เขารีบโทรศัพท์หาพี่ชายทันที พี่ชายของเขาทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในบังคลาเทศ เป็นวิสัญญีแพทย์ ซึ่งในเวลานั้นพี่ชายกำลังท่องเที่ยวอยู่ที่อินเดีย จึงสำรวจหาโรงพยาบาลของที่นั่น
พี่ชายรีบกลับมาหาซีฮาปี่ ทั้งยังสอบถามจากหลายๆ ทาง ในที่สุดจากการแนะนำของคุณหมอและผู้ป่วย จึงพาซีฮาปี่มารักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว พี่ชายบอกว่า “บังคลาเทศค่อนข้างใกล้สิงคโปร์กับอินเดีย แต่พวกเรารับค่ารักษาแสนแพงของสิงคโปร์ไม่ไหว อีกทั้งเทคโนโลยีการรักษามะเร็งของอินเดียก็สู้จีนไม่ได้ ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงตัดสินใจมาที่จีน”
เงามืดของครอบครัวที่สลัดไม่หลุด ญาติพี่น้อง 6 คนเป็นมะเร็ง
ตอนที่เพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว อาการของซีฮาปี่หนักมาก มักจะโอดร้องคร่ำครวญ น้ำหนักลดลงถึง 8 กิโลกรัม หมอและพยาบาลดูแลเขาอย่างใส่ใจเหมือนกับคนในครอบครัว หม่าเค่อ ล่ามแปลภาษาบังคลาเทศก็คอยอยู่ข้างๆ ช่วยแก้ไขปมปัญหาทางใจ ที่แท้ในครอบครัวของซีฮาปี่ มีคนเป็นมะเร็งถึง 6 คน อีกทั้งน้องชายและลุงต่างเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ แต่ในตอนนี้ มะเร็งที่ผู้ป่วยอย่างเขาเป็นคือมะเร็งตับขนาดใหญ่ ใหญ่ถึง 12.5x15.9x16 เซนติเมตรเลยทีเดียว แล้วจะไม่ให้เป็นกังวลได้อย่างไรกัน!
ขอบคุณครับ คุณเหมือนพระอัลเลาะห์ที่ยื่นมือมายังผม
โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญ MDT ขึ้น โดยรวบรวมผู้เชี่ยวชาญทางด้านการรักษาโดยใช้ความเย็น การฝังแร่ ศัลยกรรม การให้คีโม การฉายแสง การอุดหลอดเลือด การใช้คลื่นความถี่ เป็นต้น มาร่วมกันปรึกษาและสรุปอาการแต่ละระยะของคนไข้ สภาพทางเศรษฐกิจของครอบครัว รวมทั้งสภาพร่างกายของผู้ป่วยและความพร้อมทางด้านจิตใจ เพื่อวางแผนที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วย หลังจากการอุดหลอดเลือดเฉพาะจุดในระยะแรก อาการของผู้ป่วยก็ดีขึ้นระดับหนึ่ง ก้อนมะเร็งเล็กลง การนอนและการรับประทานอาหารค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ
พี่ชายของเขาจะตื่นตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง ไปตลาดใกล้โรงพยาบาลเพื่อซื้ออาหารที่ซีฮาปี่ชอบรับประทานมาทำให้โดยเฉพาะ และทำอาหารที่ห้องครัวประจำชั้นอย่างตั้งใจ อาหารที่เต็มไปด้วยสารอาหารบำรุงร่างกายมาส่งถึงตรงหน้า ซีฮาปี่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง และกินอย่างเอร็ดอร่อย ในห้องผู้ป่วย ซีฮาปี่รู้สึกได้ถึงความใส่ใจห่วงใยในทุกๆ ด้านจากคุณหมอและพยาบาล บางครั้งคนที่ตกอยู่ในสภาวะอับจนหนทางคงจะรู้สึกไวต่อความรักความห่วงใยเป็นพิเศษ เขาพูดด้วยความตื้นตันว่า “มีคนรักผม ช่วยผมมากขนาดนี้ ผมจะต้องพยายามต่อสู้กับมะเร็งแน่นอน!” ซีฮาปี่เขียนไว้บนบัตรอวยพรวันเกิดของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวว่า “ขอบคุณที่คุณยื่นมือมายังผู้คนที่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา”
บนเส้นทางการต่อสู้กับมะเร็ง ซีฮาปี่รู้สึกถึงแสงแห่งพระอัลเลาะห์ที่ส่องสว่างมายังเขา ญาติพี่น้องเป็นแรงผลักดันให้เขากระโดดออกสู่เส้นของความเป็นความตาย ในขณะเดียวกัน การรักษาอย่างตั้งใจจริงของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวก็ยื่นปีกให้เขาบินออกจากเส้นของความเป็นความตายเช่นกัน
ซีฮาปี่แบ่งปันประสบการณ์การรักษามะเร็งตับ
ซีฮาปี่ถ่ายรูปร่วมกับพี่ชาย