ในเดือนมิถุนายน ปี 2011 เป็นวันที่ท้องฟ้าโปร่งใสวันหนึ่ง แต่สำหรับคุณหวังวัย 60 ปี วันนั้นกลับเป็นวันที่มืดครึ้ม เพราะว่าในวันนั้น คุณฟ่านลูกสาวของคุณหวังได้รับผลวินิจฉัยจากทางโรงพยาบาลในประเทศเวียดนามว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ลามไปที่ช่องท้อง ข่าวนี้สำหรับแม่ลูกทั้งสองแล้วไม่ต่างอะไรกับฟ้าที่ผ่าลงมาในวันที่ท้องฟ้าสดใสเลย
การโทษตัวเองของแม่คนหนึ่ง
คุณฟ่านปีนี้อายุ 31 ปี พ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่คุณฟ่านยังเล็ก คุณหวังจึงต้องเลี้ยงดูลูกเพียงคนเดียวจนเติบใหญ่ คุณหวังเป็นคนเข้มงวดกับลูกมาโดยตลอดและคุณฟ่านก็เป็นคนที่เชื่อฟังคำพูดของแม่เสมอ เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณฟ่านบอกแม่ว่าหลังจากทานอาหารจะรู้สึกปวดท้องและอยากไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่คุณหวังซึ่งเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาตลอดบอกลูกว่า “นั่นเป็นโรคกระเพาะธรรมดาเท่านั้น ลูกจะเป็นโรคอะไรได้ อย่าคิดมากเลย ถ้าลูกทนไม่ไหวก็ไปหายากินจากกล่องยาที่บ้านเอา” คุณฟ่านได้ยินแล้วก็เห็นด้วยกับคำพูดของแม่จึงไม่ได้คิดมาก แต่เวลาผ่านไปอีกระยะหนึ่ง อาการของคุณฟ่านกลับไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นและเป็นหนักขึ้นทุกที อีกทั้งอุจจาระก็มีเลือดปนมาด้วย คุณฟ่านจึงบอกแม่อยู่หลายครั้งว่าจะไปโรงพยาบาลตรวจดูในรอบนี้คุณหวังเริ่มหวั่นกลัวดังนั้นจึงพาลูกสาวไปตรวจที่โรงพยาบาลท้องถิ่น
เมื่อผลวินิจฉัยออกมา คุณหมอถือผลการตรวจของคุณฟ่านด้วยสีหน้าหนักใจ คุณหวังจึงรับผลวินิจฉัยด้วยความรู้สึกประหม่าและเห็นบนกระดาษผลตรวจนั้นมีเพียงคำไม่กี่คำว่า “มะเร็งลำไส้ใหญ่ลามไปช่องท้องบริเวณกว้าง” มองดูกระดาษแผ่นบางๆ ในมือ คุณหวังปากสั่นถามคุณหมอว่า “นี่เกิดอะไรขึ้น” คุณหมออธิบายว่า เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และเซลล์มะเร็งเริ่มมีการขยายตัวแล้ว เมื่อคุณหวังได้ยินคำว่า “มะเร็ง” ก็ร้องไห้ทันทีและพูดว่า “ลูกสาวที่รัก แม่เป็นคนทำให้ลูกสาวตกในสภาพนี้ แม่ควรพาลูกไปโรงพยาบาลให้เร็วกว่านี้”
หลังจากการปลอบใจของคุณหมอ คุณหวังจึงค่อยๆ สงบลงได้ ต่อมาคุณหวังก็เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการเป็นโรคของลูกสาวให้คุณหมอทราบทั้งน้ำตาอย่างเสียใจ หลังจากฟังคุณหวังเล่าจนจบ คุณหมอบอกคุณหวังว่าเซลล์มะเร็งของคุณฟ่านเริ่มขยายตัวแล้ว จึงมีอุปสรรคค่อนข้างมากในการรักษาแต่ก็ยังสามารถรับการรักษาตามแผนที่คุณหมอวางไว้ได้ แต่กระนั้นคุณหมอก็ไม่สามารถรับรองผลการรักษาให้ได้ด้วยความหวังเล็กๆ คุณฟ่านจึงทำการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ตอนปลายที่โรงพยาบาล แต่หลังการรักษาผลก็เป็นอย่างที่คุณหมอกล่าวไว้จริงๆ
ถึงแม้จะใช้เงินไปเยอะแล้ว แต่อาการกลับไม่ได้ดีขึ้นเลย คุณฟ่านไม่ทานอาหารใดใดขังตัวเองอยู่ในห้องพักร้องไห้เงียบๆ ถึงแม้ว่าลูกสาวคุณหวังจะไม่เคยโทษแม่ตัวเองเลยแต่คุณหวังก็รู้สึกเสียใจมากที่เห็นลูกสาวผอมลงทุกวัน ทั้งรู้สึกผิดและเสียใจมาก คุณหวังจึงเริ่มค้นหาวิธีการรักษาให้ลูกสาวทุกหนทุกแห่ง เพราะว่าลูกสาวเพิ่งจะอายุ 31 ปีเท่านั้นเพิ่งแต่งงานและยังไม่มีลูกเลย หากเป็นไปได้ คุณหวังอยากจะแลกชีวิตกับลูกเสียด้วยซ้ำ
หนทางแปรเปลี่ยนไป มีความหวังบนความสิ้นหวังอีกครั้ง
สุดท้ายความโชคดีก็ยังเข้าข้างแม่ลูกทั้งสอง เนื่องจากความช่วยเหลือของญาติสนิทมิตรสหาย คุณหวังจึงได้ติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญที่สำนักงานประเทศเวียดนามของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวและนำผลวินิจฉัยทั้งหมดไปหาผู้เชี่ยวชาญอีกทั้งขอร้องผู้เชียวชาญว่าต้องช่วยลูกสาวของเธอให้ได้ หลังจากอ่านผลวินิจฉัยอย่างละเอียดคุณหมอบอกว่าแม้ว่าเซลล์มะเร็งเริ่มขยายตัวแล้วแต่ก็ยังสามารถรักษาได้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย “จริงหรอเนี่ย” ดังนั้นคุณหวังจึงเหมือนมองเห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 14 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2012 คุณหวังพาลูกสาวไปตรวจที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวและได้ผลวินิจฉัยว่ามีเนื้องอกขนาดประมาณ 15 x 10 cm โดยมีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลมก้อนเนื้อแข็งและมีขอบเขตที่ไม่ชัดเจน หลังจากการตรวจของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายแล้ว ผลวินิจฉัยคือเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ลามไปช่องท้องบริเวณกว้าง ทีมผู้เชี่ยวชาญจึงรีบวางแผนการรักษาอย่างละเอียดให้คุณฟ่านทันที โดยยึดตามอาการของเธอ หลังจากการรักษาแบบบูรณาการเป็นเวลาเดือนกว่า เนื้องอกที่ท้องเล็กลงและอ่อนลงด้วย ค่าบ่งชี้ของมะเร็งก็ลดน้อยลงมาก
เนื่องจากอาการได้รับการควบคุมแล้ว คุณหวังเลยเช่าห้องห้องหนึ่งที่อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวและเวลาว่างก็ไปเที่ยวภูเขาไป๋หยุนกับลูกสาวเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและทำให้อารมณ์ดีขึ้น รวมทั้งสะดวกในการรักษาด้วย
เมื่อวันที่ 26 เดือนเมษายน คุณหวังพาลูกสาวไปตรวจที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้คุณฟ่านมีน้ำหนักขึ้นมาสองกิโลกรัมและมีสีหน้าที่ดีขึ้น แต่คุณหวังบอกว่าลูกสาวยังไม่อยากทานอาหาร และบางครั้งยังมีเลือดไหลออกมาทางทวารหนัก คุณหมอเลยปลอบใจเธอว่า ไม่ต้องเป็นห่วง อาการนี้เกิดขึ้นเพราะว่าระบบของไขกระดูกถูกควบคุมหลังจากการทำคีโม เพียงแค่เพิ่มเม็ดเลือดขาวและดำเนินการการรักษาเพื่อป้องกันโลหิตจางก็เพียงพอแล้ว เมื่อเม็ดเลือดขาวอยู่ในสภาพปกติ คุณหมอก็จะทำการรักษาเฉพาะจุดผ่านหลอดเลือดอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 29 เดือนเมษายน การตรวจระบุให้เห็นว่าเม็ดเลือดขาวกลับสู่สภาพปกติแล้ว สามารถทำการรักษาเฉพาะจุดผ่านหลอดเลือดได้ แต่เมื่อพูดถึงการผ่าตัดรักษาผ่านหลอดเลือด คุณฟ่านรู้สึกหวั่นกลัว เพราะว่าการผ่าตัดที่ล้มเหลวในครั้งแรกที่ผ่านมาทำให้คุณฟ่านลืมไม่ลง คุณหมอเลยบอกเธอว่าไม่ต้องกลัว เพราะการรักษาเฉพาะจุดผ่านหลอดเลือดไม่ต้องผ่าตัดอย่างการผ่าตัดทั่วไป เป็นการผ่าตัดแบบบาดแผลเล็ก ดังนั้นแล้ว ผู้ป่วยเพียงทำใจให้สบายก็พอ และเนื่องจากความร่วมมือของผู้ป่วย การรักษาจึงดำเนินไปอย่างราบรื่น หลังจากการรักษาคุณหมอบอกให้คุณหวังทราบว่าอาการของลูกสาวได้รับการควบคุมอีกขั้นแล้ว และ สภาพร่างกายฟื้นฟูดีมาก เพียงแค่รักษาอีกระยะหนึ่ง อีกไม่นานก็จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของคุณหมอ คุณหวังร้องไห้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกร้องไห้เพราะความกลัวและความเป็นห่วง แต่ครั้งที่สองนี้เป็นน้ำตาแห่งความสุข