ฉันเป็นห่วงร่างกายของตัวเองเป็นเวลานานมาแล้ว เพราะว่าทั้งครอบครัวของฉันก็ต้องต่อสู้กับมะเร็งอย่างมิได้ขาด บิดาของฉันถูกมะเร็งปอดรุกราม ส่วนในลำไส้ใหญ่ของน้องสาวฉันได้พบเซล์มะเร็ง น้องชายฉันเป็นมะเร็งลิ้นอย่างเคราะห์ร้าย บิดาและน้องสาวฉันได้จากเราไปเป็นลำดับ ส่วนน้องชายได้ต่อสู้กับมะเร็งเป็นเวลา 5 ปีแล้ว จนถึงบัดนี้ ฉันยังมองเห็นหน้าตาที่สนิทสนมของเขาและได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของเขา แต่ฉันเห็นว่าฉันเป็นคนที่สุขภาพไม่แข็งแรงและสักวันหนึ่งฉันจะเป็นโรคมะเร็งชนิดใดชนิดหนึ่ง
โจวเย่เอ๋อและสามีถ่ายรูปกับนายแพทย์และพยาบาล
การเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำนมในปี 2010
ปี 2010 เป็นปีที่ฉันเศร้าโศกมากที่สุด เพราะว่าน้องสาวฉันได้จากเราไป หลังจากน้องสาวเสียชีวิตไปหนึ่งเดือน ฉันได้รู้สึกมีก้อนในเต้านมทางขวาโดยบังเอิญ ลางร้ายได้ครอบงำฉัน ฉันสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำนมแต่ไม่กล้าบอกให้สามีทราบเพราะว่ากลัวเขาเป็นห่วง ฉันไม่อยากตรวจที่โรงพยาบาลของอินโดนีเซีย เนื่องจากน้องชายฉันรักษามะเร็งลิ้นที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยกว่างโจวที่ประเทศจีนและได้ยืดชีวิตไปเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ทุกปีเขาจะไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ฉันจึงตัดสินใจว่า เมื่อเดือนสิงหาคมน้องชายไปครวจร่างกายที่ประเทศจีน ฉันกับสามีจะไปเป็นเพื่อน
ความเป็นห่วงของฉันถูกต้อง ผลวินิจฉัยของโรงพยาบาลชี้ให้เห็นว่าฉันเป็น มะเร็งท่อน้ำนมชนิด invasive ductal carcinoma ถึงแม้ว่าฉันได้ทำใจไว้แล้ว แต่ข่าวนี้ยังทำให้ฉันเศร้าโศกมาก สามีของฉันก็เสียใจมากด้วย ดังนั้น ฉันจึงเข้าพักโรงพยาบาลตามธรรมเนียม เวลากลางคืน ฉันนอนบนเตียงของโรงพยาบาลและเศร้าสลดมาก เมื่อฉันย้อนนึกถึงชีวิตของตัวเอง เหมือนกับว่าฉันได้ต่อสู้กับโรคต่างๆ ตลอดมา ฉันไม่เพียงแต่เป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำนม แต่ยังเป็นโรคหัวใจแบบเกรฟส์ นิ่วในถุงน้ำดีและโรคเกรฟส์ เนื่องจากโรคเกรฟส์ คอของฉันใหณ่เป็นพิเศษ ตายื่นออกจากขอบตาจนไม่สามารถใส่แว่นตา โรคนี้ทำให้ฉันกล้มใจมาก ฉันเคนรักษาที่อินโดนีเซียเป็นเวลา 30 กว่าปี หาหมอที่โรงพยาบาลมากมายหลายแห่งและยังเคยทำการผ่าตัดด้วย แต่ก็ไม่ได้รับผลการบำบัดที่ดี ฉันมัวแต่คิดเรื่องต่างๆ จนไม่ทราบว่าตัวเองนอนหลับไปเมื่อไร บับตั้งแต่ฉันได้ทราบว่าฉันมีก้อนในเต้านมเป็นต้นมา คุณภาพการนอนและการกินของฉันได้ลดลงอย่างรวดเร็ว น้ำหนักลดลงไป 5 ถึง 6 กิโลกรัม และสีหน้าไม่แจ่มใสเลย เมื่อฉันไปถึงโรงพยาบาล ฉันผอมเหมือนไม้เล็กๆ
โจวเย่เอ๋อและสามีถ่ายรูปกับนายแพทย์ถาง
การฝังแร่ไอโอดีน เนื้องอกลดน้อยลง
เมื่อวันที่สอง นายแพทย์ได้บรรยายแผนการบำบัดให้ฉันฟัง สำหรับมะเร็งต่อมน้ำนมในระยะแรก การผ่าตัดเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่เนื่องจากฉันมีอายุมากแล้ว ฉันมีอายุ 72 ปีและเป็นโรคหัวใจด้วย หากดำเนินการผ่าตัด ฉันจะเสี่ยงมาก ดังนั้น ผู้เชียวชาญวางแผนการฝังแร่ไอโอดีนและวิธีภูมิคุ้มกันบำบัดให้ฉัน ฉันเห็นด้วยกับแผนการการบำบัด เพราะว่าฉันไม่อยากได้รับการผ่าตัด เมื่อวันที่ 8 เดือนกันยายน ปี 2010 ฉันเข้าห้องผ่าตัด หลังจากการระงับความรู้สึกเฉพาะบริเวณแล้ว ฉันยังมีสติอยู่ ฉันไม่กล้ามองไปรอบๆ ปิดตาอย่างสนิท ฉันไม่ทราบว่านายแพทย์การฝังแร่ไอโอดีน 10 เม็ดเข้าในร่างกายฉันเมื่อไร เพียงแต่ได้ยินเสียงทำงานอย่างขมีขมัน หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันออกจากห้องผ่าตัด ฉันไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือไม่สบายใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อหนึ่งวันต่อมา ฉันก็สามารถเดินเหมือนคนทั่วไป นายแพทย์บอกว่าต้องรออีกสี่วันถึงจะฉีดเซลล์ภูมิคุ้มกันที่เพาะพันธ์เรียบร้อยให้เข้าร่างกายของฉันได้ เพราะว่าฉันไม่มีความรู้สึกไม่สบายใดๆ ฉันจึงถามนายแพทย์ว่าฉันออกจากโรงพยาบาลไปเที่ยวดูบ้านเกิดของฉันที่เมืองเซี่ยหมินมณฑลฮกเกี้ยนได้ไหม และฉันจะกลับมารักษาต่อในวันที่ 4 นายแพทย์อนุญาติแล้ว
เมื่อ 4 วันต่อมา ฉันกลับโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเพื่อดำเนินการบำบัดตามกำหนด นายแพทย์ตรวจเนื้องอกของฉันอีกครั้งเพื่อดูผลการบำบัดของการฝังแร่ไอโอดีน นายแพทย์บอกกับฉันว่าไม่น่าเชื่อจริงๆ ฉันคิดว่าอาการของฉันกำเริบไปมาก จึงกลัวมาก แต่นายแพทย์บอกว่า เนื้องอกของเธอลดน้อยลงแล้ว เพียงการฝังแร่ไอโอดีนครั้งหนึ่งเท่านั้น ก็จะทำให้เนื้องอกของฉันได้ลดน้อยลง ฉันน้ำตาคลอและจับมือสามีไว้อย่างแน่น ฉันตื้นตันเกินที่จะพูดอะไรออกได้
แผ่น CT มะเร็งต่อมน้ำนมของโจวเย่เอ๋อ
โรคเกรฟส์ที่เป็นมา 30 ปีได้หายดี
หลังจากฉีดเซลล์ภูมิคุ้มกันเข้าร่างกายเสร็จเรียบร้อย เพื่อรับรองผลการบำบัด นายแพทย์ได้ดำเนินการอุดเส้นเลือดเฉพาะจุดให้ฉันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งได้ช่วยรักษาโรคเกรฟส์ของฉันที่เป็นมาตั้ง 30 ปี บัดนี้ ตาของฉันได้กลับเป็นสภาพปกติเรื่อยๆ ไม่ยื่นออกมาเหมือนแต่ก่อนแล้ว เมื่อปลายเดือนกันยายน ฉันได้ออกจากโรงพยาบาลและกลับประเทศ
คัณภาพชีวิตได้เพิ่มพูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก เพียงพริบตาเดียว ปี 2012ก็ใกล้สิ้นจบลงแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้น 2 ปีก่อนเหมือนเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อตะกี๊นี้เองและยังประทับในความทรงจำของฉันอย่างชัดเจน บัดนี้ ฉันได้มาตรวจร่างกายและดำเนินภูมิคุ้มกันบำบัดที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเป็นครั้งที่ 6 ผลการบำบัดทุกครั้งก็ดีมาก เนื้องอกได้ลดน้อยลงโดยไม่มีลางจะฟื้นคืน สองปีมานี้ สุขภาพร่างกายของฉันได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การนอนและการกินดำเนินไปอย่างปกติ น้ำหนักของฉันขึ้นไป 10 กิโลกรัม ฉันและสามีชอบไปเที่ยวเป็นพิเศษ และเราจะไปเที่ยวยุโรปทุกปี นอกจากนี้แล้ว เมืองบางเมืองของประเทศจีน เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้และหางโจวก็มีรอยเท้าของเราเหมือนกัน ฉันมีสีหน้าแจ่มใสจนไม่มีใครเชื่อว่าฉันเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง
โจวเย่เอ๋อและสามีชมการแสดงคริสต์มาสในโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่ก่างโจว
การเข้าโรงพยาบาล 6 ครั้งนี้ล้วนให้ฉันรู้สึกอบอุ่นใจเป็นพิเศษ ในวันคริสต์มาสที่เพิ่งผ่านไป ฉันได้เข้าร่วมงานคริสต์มาสที่จัดขึ้นโดยโรงพยาบาล ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกว่านี่เป็นครอบครัวนานาชาติที่อบอุ่น นายแพทย์และพยาบาลทั้งหลายล้วนดูแลฉันและสามีอย่างเอาอกเอาใจและถี่ถ้วน การสนับสนุนและการเอกใจใส่ของพวกเขา รวมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการปลอบประโลมระหว่างผู้ป่วยนั้น ล้วนให้ฉันไม่ท้อแท้ใจในที่นี่และเผชิญหน้ากับมะเร็งอย่างเข้มแข็งและแข็งขัน
ฉันหวังว่าผู้ป่วยมะเร็งทั้งหลายอย่าหมดหวังต่อชีวิต เทคโนโลยีในสมัยนี้ก้าวหน้าไปมากแล้ว เทคนิคการบำบัดก็มีหลากหลาย เช่น การฝังแร่ไอโอดีน การใช้ความเย็น การอุดเส้นเลือดเฉพาะจุด วิธีภูมิคุ้มกันบำบัด มีดโฟตอนและวิธีการใช้โฟตอนเป็นต้น ทั้งนี้จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและยืดชีวิตให้เราได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเราต้องเข้มแข็งและแข็งขัน