แม่น้ำจูเจียงแห่งเมืองกว่างโจวที่ซัดสาดคลื่นเป็นสีทองในคืนฤดูใบไม้ร่วง คุณหยวนซื่อยิงซูจากเวียดนามนั่งอยู่บนเรือยอชท์สวยงาม อารมณ์หดหู่ของเธอค่อยๆ ลอยไปตามลมที่พัดมาจากแม่น้ำ เธอขอบคุณฉันที่คืนนี้อยู่เคียงข้างเธอ และยังบอกอีกว่าวันนี้เธอเที่ยวสนุกมาก เมื่อมองดูรอยยิ้มของเธอที่นานจะได้เห็นสักครั้ง ฉันเองก็ดีใจราวกับเด็กที่ได้ลูกอมที่ชื่นชอบ ดีจริงๆ เลย คุณหยวนซื่อยิงซูยิ้มแล้ว ใครจะรู้ว่า ก่อนหน้านี้ เธอเป็นคนที่หมดหวัง มองโลกในแง่ร้าย และไม่อยากเปิดใจกับคนอื่นเพียงใด
คุณหยวนซื่อยิงซูเป็นผู้ป่วยประจำของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว เธอค้นพบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งเต้านมตั้งแต่พฤศจิกายน ปี 2005 ครั้งนี้เป็นครั้งที่เก้าที่เธอมาโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว แปดครั้งที่ผ่านมา เธอให้ความร่วมมือกับการรักษาอย่างเต็มที่ แต่ครั้งนี้ผ่านไปสี่เดือนเธอถึงค่อยกลับมาหาหมอ และพบว่าอาการป่วยไม่ค่อยดี ปีนี้เธออายุแค่ 40 กว่าๆ แต่เหมือนชีวิตของเธอจะมีความโชคร้ายตลอด หนึ่งปีที่แล้วสามีเธอเสียชีวิตไป ลูกทั้งสามคนที่บ้านก็ยังเล็กอยู่ และลูกชายคนสุดท้องก็มีอายุเพียง13ปี ด้วยความกดดันจากโรค ชีวิตและความเครียดทางจิตใจ เธอจึงเป็นเหมือนมด ที่ต้องแบกรับภาระที่หนักกว่าน้ำหนักตนเองถึง 20 เท่า ดังนั้นครั้งนี้ระหว่างที่เธอรักษาอยู่ในโรงพยาบาล เธอเอาแต่นอนอยู่บนเตียงตลอด เสียใจร้องไห้ กินไม่ได้และนอนไม่หลับ ขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดเวลา เมื่อเพื่อนผู้ป่วยเวียดนามและครอบครัวของเธอมาคุยกับเธอ หน้าของเธอจะแสดงออกถึงความขื่นขมตลอดเวลา เมื่อโรงพยาบาลมีกิจกรรมท่องเที่ยวเธอก็ไม่เคยเข้าร่วม เธอไม่เชื่อมั่นในการรักษา และปัญหาทางด้านจิตใจก็กลายเป็นปัญหาที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เธอคิดว่าแสงแดดกับรอยยิ้มจะไม่อยู่ในชีวิตของเธออีกต่อไปแล้ว
ฉันสังเกตเห็นเธอเป็นอย่างนี้ ฉันก็เป็นห่วงมาก ตอนที่คุณหยวนซื่อยิงซูร่างกายอ่อนแอที่สุด ไม่มีกำลังใจและอารมณ์เปราะบางที่สุด ฉันใช้สองมือปลอบประโลมดูแลเธอด้วยความจริงใจ ให้กำลังใจ ให้เธอทานอาหารที่มีประโยชน์ และพยายามเติมเต็มความต้องการของเธอ ฉันให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยากับเธอ ปลอบโยนความกลัว ความวิตกกังวลและความสิ้นหวังของผู้ป่วย ให้เธอมีความมั่นใจต่อการรักษา ใช้ความอดทนช่วยให้เธอออกจากการกักขังของตนเอง และแนะนำให้เข้าร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจกับคนอื่นๆ ช่วงบ่ายวันที่ 5 เดือนตุลาคม ฉันคุยกับคุณหยวนซื่อยิงซูอยู่ในห้องตลอดทั้งบ่าย ฉันแนะนำให้เธอร่วมกิจกรรมล่องเรือแม่น้ำจูเจียงกับเพื่อนผู้ป่วยคนอื่น จนในที่สุดเธอก็ตกลง ความจริงแล้วคืนนั้นฉันต้องไปทำงานกะกลางคืน ดังนั้นฉันจึงรีบไปเปลี่ยนกะกับเพื่อนร่วมงานของฉัน เพื่อไปกับคุณหยวนซื่อยิงซู คืนนั้นเธอเที่ยวอย่างมีความสุขมาก คิ้วที่เคยขมวดเข้าหากันด้วยความเครียดก็เริ่มคลายลงเรื่อยๆ
หลังจากนั้น ฉันแจ้งสถานการณ์ของคุณหยวนซื่อยิงซูไปยังผู้จัดการแผนก หลังจากที่ผู้จัดการหยางจิงน่าเมื่อเข้าใจสถานการณ์แล้ว ก็เห็นใจและห่วงใยคุณหยวนซื่อยิงซูมาก วันที่ 12 เดือนตุลาคม ผู้จัดการหยางพาฉัน พร้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์ประจำชั้นหก ไปถึงห้องป่วย และส่งดอกไม้กระถางหนึ่งซึ่งดอกไม้มีชื่อว่า “ไร้กังวล” ให้เธอด้วยความจริงใจ และหวังว่าเธอจะมีความรู้สึกเหมือนชื่อดอกไม้ ไม่ต้องกังวลใดใดและกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนดอกไม้อีกครั้ง อีกทั้งให้เธอรดน้ำให้ดอกไม้ทุกวัน เพื่อให้เธอมีความหวังอยู่ในชีวิตและกลับมามีกำลังใจต่อสู้กับโรค คุณหยวนซื่อยิงซูรู้สึกซาบซึ้งมากเมื่อเห็นและรับรู้ว่าที่โรงพยาบาลมีคนจำนวนมากดูแลและห่วงใยเธอ ในที่สุดพวกเราก็สามารถทำให้ผู้ป่วยยอมเปิดใจกับเราด้วยความพยายามและความจริงใจ
ด้วยการดูแลเป็นอย่างดีจากบุคลากรทางการแพทย์และล่าม ฉันเองก็ให้คำปรึกษาทางจิตใจอย่างสม่ำเสมอ รอยยิ้มก็เริ่มประดับอยู่บนใบหน้าของคุณหยวนซื่อยิงซู เธอพูดคุยและถ่ายรูปร่วมกับคุณหมอพยาบาลและล่ามในสวนของโรงพยาบาลด้วยรอยยิ้มที่สดใส
รอยยิ้มของเธอทำให้ฉันรู้สึกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมันคุ้มค่า พอมองเห็นความกลัว ความวิตกกังวลของผู้ป่วย ฉันก็รู้สึกว่าฉันไม่มีเหตุผลที่จะบ่นว่างานของฉันเหนื่อยยากลำบาก ฉันยินดีที่จะพยายามปลอบใจและดูแลผู้ป่วยด้วยความจริงใจ ใช้ความรักค่อยๆ ทำให้บาดแผลในใจของพวกเขาหายไป งานของฉันทำให้ฉันเรียนรู้ที่จะต้องเสียสละตัวเองเพื่อสร้างความหวังให้คนอื่น
ผู้จัดการหยางจิงมอบดอกไม้ให้ผู้ป่วย
ผู้ป่วยกับล่ามแปลภาษาเวียดนามสู่ฉิงเป็นเหมือนพี่น้องกัน
ผู้ป่วยกลับมามีความมั่นใจต่อชีวิตด้วยการดูแลและการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาจากพยาบาลและล่ามที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว