วันหนึ่งในปี 2009 โชคร้ายเกิดขึ้นในตัวฉัน วันหนึ่งท้องฟ้าปลอดโปร่ง ฉันตื่นขึ้นมาเพื่อไปทำงาน แต่ฉันตกใจเมื่อเห็นกระจกเงา ปากของฉันเอียงไปข้างซ้าย ไม่ว่าฉันพยายามอย่างไร ฉันก็ไม่สามารถควบคุมได้ ฉันกลัวมากเลยไปขอลาที่บริษัทและไปตรวจที่โรงพยาบาล หลังจากการรออย่างกระวนกระวาย นายแพทย์บอกว่าทุกอย่างเป็นปกติ ไม่พบโรคชนิดใดๆ ฉันเลยโล่งใจและคิดว่าอาจจะเป็นปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ความเป็นจริงพิสูจน์ให้เห้นว่าฉันประมาสความโหดร้ายของโรค
การไปตรวจทุกหนทุกแห่ง ในที่สุดยืนยันเป็นมะเร็งสมอง
นับตั้งแต่ฉันได้สังเกตว่าปากเอียงเป็นต้นมา ฉันไม่ได้อยากทานอาหารเหมือนอดีต และตุ่มรับรสเหมือนหายไปทั้งสิ้น ฉันไม่สามารถแบ่งออกรสชนิดต่างๆ ได้อีก นอกจากนี้แล้ว เวลากลางคืน ฉันยังนอนไม่หลับด้วย ฉันไม่ค่อยอยากออกไปข้างนอก ไม่อยากเจอเพื่อนๆ หรือคนแปลกหน้า ทั้งนี้เพราะว่าหน้าตาของฉันเปลี่ยนไป ฉันไม่ใช่ฉันเหมือนแต่ก่อน เมื่อเวลาผ่านไป อาการของฉันก็สาหัสขึ้นเรื่อยๆ ประสาทในใบหน้าของฉันเริ่มชา นำลายไหลออกจากปากบ่อยครั้ง ซึ่งฉันไม่สามารถควบคุมได้ นอกจากนี้ ตาก็เกิดมีปัญหา ฉันเห็นของชิ้นหนึ่งกลายเป็นสองชิ้นและไม่สามารถหลับตาสนิทได้ จนกระทั่งบางทีฉันมีอาการโคม่า ครึ่งปีที่ผ่านมา น้ำหนักของฉันลดน้อยลง10กิโลกรัม ชีวิตแบบนี้ทำให้ฉันเจ็บปวดทรมานจนไม่อยากดำรงชีวิตต่อไป สามีและครอบครัวเป็นห่วงฉันมาก
ฉันไปโรงพยาบาลต่างๆ ที่ประเทศอิโดนีเซีย แต่ก็ไม่สามารถหาต้นเหตุที่เป็นโรคได้ หาไม่สามารถหาต้นเหตุขึ้นมาได้ ก็เท่ากับว่าไม่สามารถได้รับการบำบัดที่มีอิทธิพล ทั้งฉันและสามีกระวนกรวาย นายแพทย์ที่สุราบายาแนะนำให้ฉันไปรักษาที่ประเทศจีน เขาบอกว่าหลายปีมานี้เทคโนโลยีทางการแพทย์ของจีนได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะช่วยเราได้ ดังนั้น เราไปโรงพยาบาลที่เมืองเทียนจิงของประเทศจีนแห่งหนึ่งเพื่อไปตรวจ นายแพทย์คิดว่าอาจจะเพราะกระดูกจึงทำให้ฉันเป็นโรคนี้ เรากลับไปถึงประเทศอินโดนีเซียและตรวจอีกครั้งหนึ่ง นายแพทย์ทิ่อินโดนีเซียก็บอกว่าเป็นปัญหาของกระดูกเช่นกัน แต่เราไม่เชื่อ เพราะว่าอาการไม่ได้บรรเทาลงแลยหลังจากการรักษา ในที่สุด นายแพทย์ที่กรุงจาการ์ตาพบว่าในสมองของฉันมีเนื้องอกร้ายก้อนหนึ่งและได้ขยายตัวไปถึงต่อมน้ำเหลืองที่คอ
พอได้ยินเป็นมะเร็งสมอง ฉันหยุดหายใจ
พอฉันได้ยินข่าวนี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเกือบจะหยุดหายใจ ฉันคิดว่านี่หมายความว่าฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้วหรือ สามีไม่อยากให้ฉันมีความคิดแบบนี้ เขาบอกว่ามีคนมากมายที่เป็นมะเร็งสมองแต่ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ อย่างเช่นญาติคนหนึ่งของเรา เขาให้ฉันอย่าเป็นห่วง ฉันจะรักษาให้หายได้แน่นอน
เราไปหาโรงพยาบาลมะเร็งทุกหนทุกแห่ง ญาติคนหนึ่งแนะนำโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวให้เรา ตัวเขาเองก็ไปรักษาที่นั่นเช่นกัน ดังนั้น เราก็นำผลการตรวจไปปรึกษาที่สำนักงานของโรงพยาบาลแห่งนี้ที่ประเทศอินโดนีเซีย นายแพทย์ที่สำนักงานได้อ่านผลการตรวจของเราอย่างตั้งอกตั้งใจและสอบถามอาการของฉันอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดนายแพทย์ก็บอกว่าเทคนิคการอุดเส้นเลือดเฉพาะจุดพร้อมกับเคมีบำบัดจะสามารถรักษาโรคของฉันได้ หัวใจฉันเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีและก็ยังลังเลอยู่ ฉันก็สามีกลับบ้านตรึกตรองมาสองวันและหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษามะเร็งสมองและโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย สุดท้ายเราก็ตัดสินใจที่จะไปรักษาที่ประเทศจีน พนักงานที่สำนักงานดีต่อเรามากและช่วยเราจัดการกับเรื่องวีซ่าและตั๋วเครื่องบิน นอกจากนี้แล้วยังให้พนักงานที่กว่างโจวไปรับเราที่สนามบินเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เรา
ฉันมีความยิ้มแย้มแจ่มใสอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2011 เราไปถึงโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการเคมีบำบัดให้ฉันเป็น 32 ครั้งและการอุดเส้นเลือดเฉพาะจุด 6 ครั้งตามอาการของฉัน ฉันคิดว่าอาจจะต้องดำเนินการผ่าตัด แต่ไม่มี นายแพทย์ได้ดำเนินเคมีบำบัดพร้อมกัน เท่าที่ฉันทราบมาว่าเวลาผู้ป่วยมะเร็งได้รับการเคมีบำบัด จะมีอาการรุนแรงเกิดขึ้น อย่างเช่น ผมร่วงและอาเจียนเป็นต้น ซึ่งทำให้คนไข้ส่วนใหญ่ทนไมไหว แต่นายแพทย์ถางของฉันได้กำหนดเวลาและปริมาณยาที่เหมะสมให้ฉัน แผนการบำบัดครั้งนี้ไม่ได้ให้ฉันทนความทุกข์ทรมานเหล่านี้ ฉันไม่รู้สึกผลข้างเคียงใดๆ หลังจากเคมีบำบัดครั้งที่สาม ฉันนอนหลับได้ดีขึ้น เมื่อรักษามาเป็นสองเดือน อาการฉันได้รับการควบคุมแล้ว อาการปากเอียงและน้ำลายไหลก็ได้หายดีขึ้น น้ำหนักของฉันเพิ่มขึ้นเป็น 46 กิโลกรัมจาก 40 กิโลกรัม นายแพทย์บอกว่าฉันออกโรงพยาบาลได้แล้ว แต่อีกสองอาทิตย์ต้องกลับมาตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง ฉันทำตามที่นายแพทย์สั่งอย่างเคร่งเครียด เมื่อวันที่ 22 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2012 ฉันกลับมาตรวจที่โรงพยาบาล ผลการตรวจทำให้ฉันดีใจมาก ก้อนมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลืองของคอและที่สมองหายไปหมดแล้วและไม่มีแนวโน้มจะฟื้นคืน ฉันได้รับเคีมีบำบัดและการจุดเสืนเลือดเฉพาะจุดอีกครั้งเพื่อป้องกันการฟื้นคืน สิ่งที่อันตรายมากที่สุดของมะเร็งก็คือการฟื้นคืนและการขยายตัว ดังนั้น ฉันต้องกลับไปตรวจที่โรงพยาบาลตามเวลา แต่เวลาการตรวจเริ่มห่างไปเรื่อยๆ หลังจากการตรวจเมื่อเดือนกรกฏคม ปี 2012 ฉันไปตรวจอีกครั้งหนึ่งเมื่อเดือนมกราคม ปี 2013 คราวนี้เวลาตรวจห่างกันเป็น 6 เดือน ผลการตรวจNMR ชี้ให้เห็นว่าสภาพร่างกายของฉันยังคงดีอยู่ ก้อนมะเร็งไม่ได้ฟื้นคืน นอกจากปากของฉันยังเอียงเล็กน้อย ฉนไม่มีอาการนำลายไหลแล้ว และไม่เห็นของชิ้นเดียงเป็นสองชิ้นอีก ด้วยการบำบัดเป็นเวลาหนึ่งปีกว่า บัดนี้ ฉันมีชีวิตอย่างมีความสุข การบำบัดที่มีประสิทธิภาพทำให้ฉันสามารถทำงานและคำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข และความยิ้มได้กลับมาใบหน้าฉันแล้ว