ผมเพิ่งผ่านวันเกิดปีที่ 41 ผมอยากจะขอบคุณโชคชะตาเป็นอย่างมากที่ให้โอกาสผมอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ผมสามารถใช้ชีวิตกับครอบครัวได้อย่างมีความสุขต่อไป ตอนนี้เมื่อย้อนคิดถึงช่วงเวลาที่ค้นหาการรักษานั้น ทำให้ผมและครอบครัวเกือบตกอยู่ในขอบเขตของความสิ้นหวัง เนื่องจากผมละเลยต่ออาการของโรค ครอบครัวผมจึงต้องเจ็บปวดไปพร้อมกับผม ผมรู้สึกตำหนิตัวเองเป็นอย่างมาก ในโอกาสนี้ ผมอยากบอกเล่าบทเรียนที่ได้มาจากโรคให้ทุกคนได้ทราบ เมื่อพบว่าร่างกายเกิดอาการผิดปกติ ต้องรีบไปตรวจที่โรงพยาบาลทันที มิฉะนั้นจะทำให้อาการหนักขึ้น
พบอาการของโรค แต่กลับไม่ไปรักษาทันที
แต่ไหนแต่ไรมาผมมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีปัญหาหนักหนาอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 ผมพบว่าปัสสาวะของผมมีเลือดปน ทั้งยังเหนื่อยง่ายมาก แต่ไม่มีอาการอย่างอื่นแล้ว ผมนึกว่าเป็นโรคนิ่วในไตเท่านั้น เลยไม่ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาล อาการยืดเยื้อมาจนถึงเดือนสิงหาคม อาการของผมหนักจนถึงขั้นมีก้อนเลือดอยู่ในปัสสาวะ เวลานั้น ครอบครัวทราบอาการของผมโดยบังเอิญ จึงพาผมไปตรวจที่โรงพยาบาล ผลตรวจวินิจฉัยทำให้ผมตกใจอย่างมาก ที่แท้เป็นโรคมะเร็งไต อีกทั้งถึงระยะที่สามแล้วด้วย ช่างไม่ต่างจากการแจ้งใบมรณบัตรกับผมสักเท่าไร ผมควรทำอย่างไรดี เวลานั้นผมรู้สึกเหมือนโดนทิ้งระเบิดลงที่หัว สับสนไปหมด
อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย แคนาดา จีน ผมควรไปรักษาที่ไหนดี
ผมได้ปรึกษากับศาสตราจารย์สามท่านของโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย พวกเขาต่างบอกว่าต้องตรวจชิ้นเนื้อก่อน แล้วค่อยทำการผ่าตัด หลังจากนั้นยังต้องทำเคมีบำบัดอีก 20 กว่าครั้ง หากต้องอาศัยเคมีบำบัดในการมีชีวิตอยู่ต่อไป ชีวิตยังมีความหมายอยู่อีกหรือ ผมไม่ยอมรับแผนการรักษาเช่นนี้ ดังนั้น ผมและครอบครัวจึงเริ่มค้นหาโรงพยาบาลที่ดีกว่าและวิธีการรักษาที่ดีกว่าในวงกว้างออกไป เราได้ปรึกษาคุณหมอของมาเลเซียและสิงคโปร์ซึ่งอยู่ใกล้กรุงจาการ์ตามาก พวกเขาบอกว่าอัตราการเกิดโรคมะเร็งไตในโลกยังไม่นับว่าสูงมาก เพราะฉะนั้น วิธีการรักษาจึงค่อนข้างจำกัด แผนการรักษาที่พวกเขาเสนอมาก็พอๆ กับของคุณหมอที่อินโดนีเซีย เพียงแต่สามารถลดจำนวนครั้งในการทำเคมีบำบัดก็เท่านั้น แต่ค่าใช้จ่ายกลับสูงกว่ามาก พวกเราได้ยินคำตอบเช่นนี้ ก็รู้สึกท้อแท้ใจมาก คุณพ่อของผมน้ำตาไหลด้วยความเศร้าใจ ทำให้คุณพ่อที่อายุมากแล้วต้องมาเป็นห่วงผม ผมเสียใจมาก เพื่อคุณพ่อ เพื่อครอบครัวที่รักผม ผมไม่สามารถละทิ้งความหวังในการค้นหาการรักษาไปได้ ผมคิดถึงเทคโนโลยีอันก้าวหน้าของประเทศแคนาดา เลยส่งผลตรวจวินิจฉัยไปที่โรงพยาบาลในแคนาดา แต่ค่ารักษาของแคนาดาแพงกว่าของสิงคโปร์ถึงสองเท่า ฐานะทางบ้านผมไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายอันแสนแพงนี้ได้
เมื่อใกล้จะสิ้นหวัง ด้วยความบังเอิญผมก็ได้รู้มาว่าที่ประเทศจีนก็มีเทคโนโลยีการรักษาที่ก้าวหน้าเช่นกัน อย่างเช่น การฉายแสงเลเซอร์ การรักษาด้วยความเย็น การฝังแร่ไอโอดีน เป็นต้น อีกทั้งค่าใช้จ่ายก็ไม่สูงมาก ผมจึงอยากไปรักษาที่ประเทศจีน แต่ญาติและเพื่อนๆ ของผมสงสัยในเทคโนโลยีการรักษาของประเทศจีนเป็นอย่างมาก พวกเขาห้ามไม่ให้ผมไป แต่ผมและคุณพ่อเชื่อในประเทศจีน เชื่อในความสามารถด้านการแพทย์ของประเทศจีน ดังนั้น เราจึงไปปรึกษาที่สำนักงานของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวประจำกรุงจาการ์ตา หลังจากได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรงพยาบาลแล้ว เราจึงตัดสินใจไปรักษาที่ประเทศจีน
มาประเทศจีน ผมไม่ได้เลือกผิด!
วันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ผมมาถึงโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว หลังจากคุณหมอไล่เพ่ยเซิงซึ่งเป็นคุณหมอเจ้าของไข้ได้ตรวจร่างกายผมอย่างละเอียด ก็พบว่าอาการของผมหนักขึ้นไปอีก เนื่องจากตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผลการวินิจฉัยออกมา ผมยังไม่ได้รับการรักษาที่ได้มาตรฐานเลย อีกทั้งยาแผนจีนที่ผมทานเอง นอกจากจะไม่มีประสิทธิผลอะไรแล้ว กลับทำให้มะเร็งไตเปลี่ยนจากระยะที่สามกลายเป็นระยะที่สี่ หลังจากทีมผู้เชี่ยวชาญร่วมกันวิเคราะห์และปรึกษาหารือเกี่ยวกับอาการของผมแล้ว คุณหมอเผิงเสี่ยวชื่อ หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญก็ได้เสนอแผนการรักษาแบบบูรณาการมาสองแบบ แบบที่หนึ่งคือ การรักษาด้วยความเย็นและการฝังแร่ไอโอดีน แบบที่สองคือ การผ่าตัดและภูมิคุ้มกันบำบัด เนื่องจากผมไม่อยากผ่าตัด ผมเลยเลือกแผนการรักษาแบบที่หนึ่ง แต่ครอบครัวและเพื่อนของผมต่างเห็นว่าผลการรักษาของการผ่าตัดจะดีกว่า เมื่อตกลงจะใช้แผนการรักษาแบบที่สองแน่แล้ว หัวหน้าแพทย์เผิงได้แนะนำให้ผมรีบทำการผ่าตัด เพราะว่าเนื้องอกของผมใหญ่มากแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องช่วงชิงวินาทีแห่งความเป็นความตายจากยมทูตแล้ว! ในวันที่ 15 เดือนตุลาคม ผมถูกพาเข้าไปในห้องผ่าตัด ก่อนการผ่าตัด ในใจของผมและครอบครัวรู้สึกกระวนกระวายมาก ไมรู้ว่าการผ่าตัดจะสำเร็จหรือไม่ คุณหมอเจ้าของไข้เหมือนจะรู้ความคิดของเรา จึงมาปลอบใจเราโดยเฉพาะ ทำให้เราไม่กังวลมากเกินไป
เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียง ก็รู้ว่าผมไมได้เลือกผิดที่มารักษาที่ประเทศจีน ผมมองเห็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มของญาติพี่น้อง พวกเขาบอกว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จมาก วันเวลาต่อจากนั้น ผมให้ความร่วมมือกับคุณหมอในการรักษาโดยภูมิคุ้มกันบำบัดและยีนบำบัดอย่างเต็มที่ ไม่มีอาการเจ็บปวดจากเคมีบำบัด ไม่อาเจียน ไม่คลื่นไส้ ไม่ผมร่วง สุขภาพร่างกายฟื้นฟูดีมาก ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011 ผมออกจากโรงพยาบาล กลับไปยังประเทศอินโดนีเซีย สภาพจิตใจและความอยากอาหารดีขึ้น น้ำหนักของผมเพิ่มขึ้น 30 กิโลกรัม
เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ผมไปโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเป็นครั้งที่สอง เพื่อตรวจร่างกายซ้ำ ผลการตรวจซ้ำแสดงให้เห็นว่า เนื้องอกมะเร็งไตด้านซ้ายได้หายไปแล้วหลังจากการผ่าตัด ผลการผ่าตัดดีมาก ตอนนี้ผมได้ทำการรักษาโดยภูมิคุ้มกันบำบัดต่อไป เพื่อคงประสิทธิภาพการรักษา ลดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำ ขอบคุณประเทศจีน ขอบคุณโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ที่เอาใจใส่และทีมล่ามที่อบอุ่น พวกคุณดูแลผมอย่างครบถ้วนทุกด้าน ทำให้ผมรู้สึกถึงคุณค่าของชีวิตเป็นครั้งที่สอง และทำให้ผมมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขอีกครั้ง!