มะเร็งช่องคลอด หมายถึง เนื้องอกร้ายที่เกิดขึ้นบริเวณช่องคลอด ซึ่งมะเร็งช่องคลอดจะลุกลามมาจากมะเร็งปากมดลูก หรือมาจากมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งรังไข่และมะเร็งไข่ปลาอุกชนิด Choriocarcinoma นอกจากนี้เซลล์มะเร็งของกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะและลำไส้ตรงก็มักจะลุกลามมายังช่องคลอดอีกด้วย
1. มีเลือดออกจากช่องคลอด ส่วนใหญ่แล้วจะมีเลือดออกเนื่องจากการสัมผัส ซึ่งโดยทั่วไปจะมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์หรือหลังจากวัยหมดประจำเดือน
2. มีของเหลวออกจากช่องคลอด ถ้าช่องคลอดมีของเหลวขับออกมาแบบผิดปกติ โดยหลักแล้วจะมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อเยื่อที่ตายและการติดเชื้อ ของเหลวที่ขับออกมาจะมีลักษณะเหมือนกับน้ำหรือเหมือนน้ำข้าว หรืออาจมีเลือดปนอยู่ด้วย
3. อาการกดทับ เมื่อเนื้องอกระยะสุดท้ายมีการกดทับอวัยวะใกล้เคียง ก็อาจจะมีอาการกดทับ เช่น ถ้ากดทับกระเพาะปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะจะทำให้มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะเป็นเลือด ถ้ามีการกดทับที่ลำไส้ตรง ก็จะทำให้ถ่ายอุจจาระลำบาก สำหรับผู้ป่วยมะเร็งช่องคลอดระยะสุดท้ายอาจจะมีอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดด้วย เป็นต้น
1. อายุเฉลี่ยของผู้ป่วยมะเร็งช่องคลอดจะอยู่ในช่วงอายุ 60 – 65 ปี
2. ผู้หญิงอายุน้อยที่ทานยาฮอร์โมนเอสโตรเจนในขณะตั้งครรภ์จะทำให้เกิดเซลล์มะเร็งใส ( clear-cell carcinoma ) ของช่องคลอดได้ง่าย
3. ผู้หญิงที่แต่งงานเร็ว คลอดบุตรเร็วและคลอดบุตรมาก เป็นกลุ่มสำคัญในการเกิดมะเร็งช่องคลอดที่เกิดจากช่องคลอดเอง
ระยะ0 : มะเร็งอยู่เฉพาะที่
ระยะ1 : เนื้องอกมะเร็งอยู่ที่ผนังช่องคลอดเท่านั้น
ระยะ2 : มะเร็งเริ่มลุกลามไปยังเนื้อเยื่อรอบช่องคลอด แต่ยังไม่ถึงผนังเชิงกราน
ระยะ3 : มะเร็งมาถึงผนังเชิงกราน
ระยะ4 : มะเร็งได้ลุกลามออกจากกระดูกเชิงกรานหรือลุกลามเข้ากระเพาะปัสสาวะและเยื่อเมือกลำไส้ตรง
ระยะ4a : มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียง
ระยะ4b : มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะที่อยู่ไกลออกไป
1. การตรวจแปบสเมียร์ ( Pap Smear )
2. การตรวจช่องเชิงกราน
3.การตรวจชิ้นเนื้อและเซลล์วิทยา
1. การผ่าตัด
มะเร็งช่องคลอดที่อยู่เฉพาะที่สามารถใช้การผ่าตัดออกไปได้ โดยการผ่าตัดช่องคลอดบางส่วนหรือผ่าตัดทั้งช่องคลอด ขณะเดียวกันก็ผ่าตัดกระชับช่องคลอด สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกที่ช่องคลอดส่วนบนและยังไม่มีการลุกลามไปลึก สามารถทำการผ่าตัดมดลูกหรือส่วนหนึ่งของช่องคลอดและต่อมน้ำเหลืองของช่องเชิงกรานได้ ส่วนช่องคลอดส่วนล่างในระยะแรก สามารถผ่าตัดช่องคลอด รวมไปถึงแคมช่องคลอดและต่อมน้ำเหลืองขาหนีบ
2. การใช้ยาเคมี
การใช้ยาเคมีเพียงอย่างเดียวจะให้ผลที่ไม่ค่อยชัดเจน ดังนั้นจึงมักใช้การให้ยาเคมีร่วมกับการฉายรังสี ซึ่งสามารถยกระดับผลลัพธ์ทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น
3. การฉายรังสี
การฉายรังสีนั้นรวมไปถึงช่องภายในและนอกร่างกาย การดูแลช่องภายในเน้นจุดที่เกิดมะเร็งช่องคลอด และบริเวณที่มีการลุกลาม ส่วนการฉายรังสีนอกร่างกายจะเน้นบริเวณที่มีการลุกลามรอบๆ เนื้องอกและบริเวณที่ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง
4. เทคโนโลยีแบบบาดแผลเล็ก
เทคโนโลยีแบบบาดแผลเล็กนั้นนอกจากจะทำให้บาดแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว ยังลดระยะเวลาการพักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกด้วย ลดภาระของผู้ป่วย จึงได้รับความสนใจจากผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ
แพทย์แผนจีน สามารถทำลายและยับยั้งการแตกตัวและการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ทำให้ขนาดของเนื้องอกเล็กลง ซึ่งการใช้วิธีแบบแพทย์แผนจีนมักใช้ร่วมกับการผ่าตัด การฉายรังสีและเคมีบำบัด เพื่อลดผลข้างเคียงจากการฉายรังสีและเคมีบำบัด และเพิ่มประสิทธิภาพทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น
1. ทำการสวนล้างช่องคลอด ซึ่งในขณะที่สอดเครื่องถ่างขยายเข้าไปภายในช่องคลอดนั้นจะต้องทำอย่างเบามือ หมุนเครื่องอย่างช้าๆ เพื่อลดการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็ง เพราะจะทำให้เลือดออกมาก
2. ผู้ที่มีประจำเดือนหรือมีเลือดออกจากช่องคลอด ห้ามทำการสวนล้างช่องคลอด เพื่อป้องกันการติดเชื้อภายในมดลูก
3. ในการสวนล้างช่องคลอด ความเข้มข้นของสารละลายที่ใช้สวนล้างต้องอยู่ในระดับที่ถูกต้อง และมีอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ 38 - 41 องศา
4. แรงกดดันในการสวนล้างช่องคลอดต้องเหมาะสม แรงกดดันที่มากเกินไป จะทำให้สารละลายที่ใช้สวนล้างเข้าสู่มดลูกได้ง่าย หากแรงกดดันน้อยเกินไปก็จะทำให้ล้างไม่สะอาด
5. คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของอาการของผู้ป่วยมะเร็งช่องคลอด เช่น มีเลือดออกไม่หยุดหรือมีเลือดออกมากในขณะสวนล้างช่องคลอด ควรหยุดการสวนล้างช่องคลอดทันที และใช้ผ้ากอซอุดเอาไว้ภายในช่องคลอด จากนั้นจึงแจ้งให้แพทย์มาดำเนินการต่อ
6. ผู้ป่วยที่บริเวณแคมช่องคลอดบวม มีเลือดคั่ง เป็นแผลเน่าเปื่อยหรือมีช่องคลอดแคบ สามารถใช้เครื่องถ่างขนาดเล็กมาทำการสวนล้างช่องคลอดได้ เพื่อลดความเจ็บปวดของผู้ป่วย
7. สารละลายที่ใช้สวนล้างช่องคลอดควรเปลี่ยนทุกวัน ส่วนถังสวนล้างก็ควรล้างทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคอาทิตย์ละครั้ง
จากผลการปฏิบัติพิสูจน์ให้เห็นว่า การบริการของทีมแพทย์ซึ่งบูรณาการหลายแขนง เช่น แผนกผ่าตัดเนื้องอก แผนกอายุรกรรมเนื้องอก แผนกแพทย์แผนจีน แผนกพยาธิวิทยา แผนกภาพถ่ายทางการแพทย์ วิสัญญีแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านการพยาบาล เป็นต้น ช่วยกำหนดแผนการที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เหมาะสมที่สุด และประหยัดที่สุดให้แก่ผู้ป่วยได้ ช่วยปรับผลกลัพธ์ทางการแพทย์ของผู้ป่วยมะเร็งให้ดียิ่งขึ้น
จากระบบทางการแพทย์ที่เน้นการบริการครบถ้วนในครั้งเดียว โดยการบูรณาการหลายแขนงของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว บูรณาการการตรวจให้กับผู้ป่วย ด้านหนึ่งโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเสนอการบริการด้านการแพทย์ที่ครบวงจรให้แก่ผู้ป่วย อีกด้านหนึ่งยกระดับประสิทธิภาพทางการแพทย์ให้สูงขึ้น โดยไม่เพิ่มภาระให้แก่ผู้ป่วย อีกทั้งช่องทางการติดต่อระหว่างแพทย์และผู้ป่วยมีหลายช่องทาง ได้แก่ ทางออนไลน์ ทางอีเมล์ ทางโทรศัพท์ หรือการพบปะกัน เพื่อขยายช่องทางการบริการให้คำปรึกษา ช่วยให้พวกเขาต้านมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ผู้ป่วยจะได้พบนั้นประกอบด้วยแพทย์ พยาบาล นักโภชนาการ และล่ามแปลภาษา เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการทุกระดับชั้นของผู้ป่วยจากประเทศที่แตกต่างกันให้เป็นที่พอใจ การพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยช่องทางเหล่านี้ทำให้ผู้ป่วยให้ความร่วมมือกับทางโรงพยาบาลได้ดียิ่งขึ้น