มะเร็งโพรงจมูก

มะเร็งหลังโพรงจมูกคืออะไร?

มะเร็งหลังโพรงจมูก คือ ก้อนเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อเมือกหลังโพรงจมูก เป็นมัจจุราชที่คุกคามสุขภาพและชีวิตมนุษย์อย่างร้ายแรง จึงไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง

กลุ่มคนที่เสี่ยงเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกสูง

การเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกมีความแตกต่างทางเชื้อชาติอย่างเห็นได้ชัด โดยมักเกิดกับชนชาติผิวเหลือง ( จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ) ชนชาติผิวขาวจะพบได้น้อย มะเร็งหลังโพรงจมูกมักคุกคามบุคคลวัยกลางคนและวัยสูงอายุ เด็กกับวัยรุ่นพบได้น้อย อัตราการเกิดโรคจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป และอัตราการเกิดโรคจะสูงสุดในช่วงอายุ 40 – 60 ปี หลังจากอายุ 65 ปี อัตราการเกิดโรคจะค่อยๆ ลดต่ำลง

สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกมีอะไรบ้าง?

1. การติดเชื้อไวรัส EB : จากผลการวิจัยพบว่า การติดเชื้อไวรัส EB มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก หลังจากร่างกายติดเชื้อไวรัส EB แล้ว จะทำให้เกิดแอนติบอดีขึ้นหลายชนิด

2. สิ่งแวดล้อมและอาหารการกิน : ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก นอกจากนี้ การรับประทานปลาเค็มและอาหารหมักดองมากเกินไปก็เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกเช่นกัน

3. ปัจจัยทางพันธุกรรม : ผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูกรวมอยู่ที่ชนชาติและวงศ์ตระกูลเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกอาจจะเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม

สัญญาณเตือนในระยะแรกของโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกมีอะไรบ้าง?

1. มีเลือดออกจากจมูก : การมีเลือดออกจากจมูกเป็นหนึ่งในอาการระยะแรกของมะเร็งหลังโพรงจมูก ซึ่งส่วนใหญ่เลือดจะออกจากรูจมูกข้างเดียว

2. คัดจมูก : เมื่อเนื้องอกยังมีขนาดค่อนข้างเล็ก อาการคัดจมูกก็จะค่อนข้างเบา เมื่อเนื้องอกใหญ่ขึ้น อาการคัดจมูกก็จะหนักขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะคัดจมูกแค่ข้างเดียว

3. หูอื้อ ความสามารถในการได้ยินเสื่อมลง : เนื้องอกไปอุดตันหรือกดทับท่อยูสเตเชียน ( Eustachian tube ) ทำให้หูอื้อและความสามารถในการได้ยินเสื่อมลง หรือมีน้ำคั่งในหูร่วมด้วย

4. ปวดหัว : ในระยะแรกตำแหน่งที่ปวดยังไม่แน่ชัด จะปวดเป็นพักๆ ซึ่งอาจเป็นอาการที่แสดงออกมาก่อนหรือเป็นอาการเดียวที่เกิดขึ้น

5. มีก้อนบวมบริเวณคอ : จำนวนก้อนบวมของมะเร็งหลังโพรงจมูกที่ลุกลามไปบริเวณคอมีไม่มาก แต่จะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีลักษณะแข็งและกดไม่เจ็บ ไม่ค่อยเคลื่อนที่นัก

6. อาการทางเส้นประสาทสมอง : นอกจากจะมีอาการชาบริเวณใบหน้า เห็นภาพซ้อน มองเห็นไม่ชัด หนังตาห้อยลง ตาเหล่ ยังรู้สึกว่าบริเวณคอหอยและกล่องเสียงเสื่อมสภาพลง เพดานอ่อนเป็นอัมพาต กลืนอาหารลำบาก เสียงแหบ แลบลิ้นแล้วเอียง เป็นต้น

วิธีการตรวจวินิจฉัยมะเร็งหลังโพรงจมูกมีอะไรบ้าง?

1. การตรวจโดยการส่องกล้องทางจมูก

2. การตรวจชิ้นเนื้อ ( ตรวจชิ้นเนื้อบริเวณคอ ใช้เข็มขนาดเล็กเจาะลงไปเก็บชิ้นเนื้อ )

3. การตรวจเชื้อไวรัส EB ทางซีรั่มวิทยา

4. การตรวจโดยภาพถ่ายด้านข้างหลังโพรงจมูก ภาพถ่ายฐานกะโหลกศีรษะ รวมทั้งการตรวจ CT

5. การตรวจอัลตราซาวด์

6. การตรวจ MRI

เทคโนโลยีทางการแพทย์สำหรับโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกมีอะไรบ้าง?

ปัจจุบัน วิธีการทางการแพทย์สำหรับโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกจะใช้การผ่าตัด การฉายรังสี การให้เคมี และการแพทย์แผนจีนให้ตรงกับโรคเป็นหลัก อีกทั้งยังใช้หลักการแบบบูรณาการแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบัน สำหรับโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกในระยะแรกนั้น ก้อนมะเร็งมีขนาดค่อนข้างเล็ก ยังไม่แพร่กระจายลุกลาม วิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือการผ่าตัดออก อัตราการรอดชีวิต 5 ปีหลังการผ่าตัดมะเร็งหลังโพรงจมูกในระยะแรกสูงถึง 80% ขึ้นไป ซึ่งหลังการผ่าตัดสามารถใช้การฉายรังสี การให้ยาเคมีด การใช้ยาแพทย์แผนจีนบูรณาการร่วมกันตามกำหนดเวลาได้ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

ภายใต้แรงผลักดันจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว วิธีการแบบบาดแผลเล็กก็ค่อยๆ ได้รับความสนใจ เพราะมีข้อดีที่แบบดั้งเดิมไม่มี เช่น บาดแผลเล็ก เลือดออกน้อย สามารถลดระดับความเจ็บปวดของผู้ป่วยได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงกลายเป็นตัวเลือกแรกของผู้ป่วยจำนวนมาก

วิธีการดูแลพยาบาลหลังการผ่าตัดทำได้อย่างไรบ้าง?

1. ดูแลด้านโภชนาการ

การดูแลอาหารการกินอย่างเหมาะสม สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ป่วยได้อย่างมาก ควรรับประทานผักและผลไม้สดใหม่ให้มาก เสริมอาหารที่มีโปรตีนสูง แร่ธาตุพลังงานสูง ไม่รับประทานอาหารประเภทรมควัน ปิ้งย่าง ทอด ของหมักดอง

2. ดูแลด้านการใช้ชีวิตประจำวัน

หลีกเลี่ยงการใช้กำลังออกแรงมากเกินไป เช่น ใช้แรงงานหนัก นอนดึก ออกกำลังกายมากเกินไป เป็นต้น ในระหว่างการพักฟื้นควรดูแลความสะอาดเฉพาะส่วน บ้วนปากทุกวัน เมื่อจำเป็นก็สวนล้างช่องหลังโพรงจมูก ภายในหนึ่งปีหลีกเลี่ยงการถอนฟัน

3. ดูแลด้านสภาพจิตใจ

ปลอบใจผู้ป่วย ห่วงใย เอาใจใส่ผู้ป่วย พยายามตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยอย่างเหมาะสม ให้ผู้ป่วยได้เผชิญหน้ากับการใช้ชีวิตด้วยสภาพจิตใจที่ดี

สามารถได้รับการสนับสนุนด้านใดได้บ้าง

วิธีการสำหรับโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกมีมากมายหลายประเภท การให้ยาเคมี เป็นหนึ่งในวิธีที่ผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูกเลือกเป็นอันดับแรก แต่ถ้าหากว่าผู้ป่วยร่างกายอ่อนแอ ก็ยากที่จะรับผลข้างเคียงค่อนข้างสูงที่ได้จากยาเคมีบำบัดได้ไหว ทำให้ไม่สามารถใช้วิธีการโดยทั่วไปได้ ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวระบุว่า การใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันมีบทบาทในการบรรเทาผลข้างเคียงระหว่างทำเคมีบำบัดและโรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น สามารถปกป้องเม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ธาตุสีแดงในเม็ดเลือดในระหว่างการทำเคมีบำบัดได้ ซึ่งขณะที่เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น ก็ยังสามารถเพิ่มสมรรถภาพการสร้างเม็ดเลือดไขกระดูกได้อีกด้วย ผลการตรวจนับเม็ดเลือดของผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูกก็จะฟื้นตัวเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ทำให้การทำเคมีบำบัดราบรื่น นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวยังชี้ให้เห็นว่า อาการของผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงได้มากมาย ผู้ป่วยบางคนมีประวัติโรคเบาหวาน หรือสมรรถนะการทำงานของไตถูกทำลายร่วมด้วย และเนื่องจากผู้ป่วยบางคนใช้ยาไม่ระมัดระวัง ทำให้มีการทำงานของไตไม่สมบูรณ์ ในเวลานี้หากทำการให้ยาเคมี นอกจากจะจัดการไม่ได้แล้ว ยังสามารถทำให้ไตวายได้อีกด้วย ข้อดีคือ บาดแผลเล็ก ผลข้างเคียงน้อย ขอบเขตการปรับใช้กว้าง เป็นต้น เป็นวิธีการใหม่ที่เสนอให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูกมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า พวกเราไม่สามารถหลับหูหลับตาวินิจฉัยแน่ชัดว่าผลลัพธ์ที่ได้สำหรับโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกบางชนิดจะดีที่สุด ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเน้นว่า ขอเพียงแค่เข้าใจสภาพร่างกายของผู้ป่วยอย่างเพียงพอ ก็จะกำหนดแผนการแบบปัจเจกบุคคล

โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวแห่งประเทศจีนได้ตั้งสำนักงานขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ทุกปีสำนักงานจะรับผู้ป่วยชาวต่างชาติและส่งตัวมายังโรงพยาบาลจำนวนมาก ผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลและฟื้นตัวมาจากหลายประเทศ เช่น ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินโดนีเซีย ไทย เป็นต้น หากท่านมีข้อสงสัยอื่นๆ สามารถสอบถามได้ทางออนไลน์ ทางอีเมล์ ทางโทรศัพท์ หรือไปยังสำนักงานของเราที่อยู่ในประเทศของท่าน เพื่อสอบถามและแลกเปลี่ยนกับผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว คำถามของท่านจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจแน่นอน

เมื่อเดินทางมายังตัวที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว นอกจากผู้เชี่ยวชาญจะกำหนดแผนการของท่านโดยเฉพาะแล้วนั้น ในระหว่างนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจะดูจากสภาพร่างกาย ความแตกต่างด้านความเคยชินในการบริโภค เพื่อจัดรายการอาหารที่มีสารอาหารให้กับผู้ป่วย อาหารทางแพทย์แผนจีน การจัดอาหารการกินที่เหมาะสม จะช่วยยกระดับสมรรถนะภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ที่นี่อาการของผู้ป่วยจะได้รับการควบคุมดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ