โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเกิดจากความผิดปกติของเม็ดเลือดขาวปริมาณมากในไขกระดูก ทำให้การเกิดเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดปกติลดลง อีกทั้งเม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติจะรุกเข้าไปในตับ ม้าม รวมทั้งต่อมน้ำเหลือง สุดท้ายจะไปทำลายเนื้อเยื่อทั่วร่างกายและอวัยวะต่างๆ ทำให้สมรรถภาพการทำงานของระบบการสร้างเม็ดเลือดปกติถูกควบคุม
มะเร็งเม็ดเลือดขาวแตกต่างกับก้อนเนื้องอกลักษณะแข็ง ไม่ได้เจริญเติบโตในก้อนมะเร็งเฉพาะส่วน แต่เป็นโรคทางโลหิตร้ายแรงที่แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย รุกล้ำเข้าทุกระบบ อวัยวะและเนื้อเยื่อในร่างกาย อาการโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ปรากฏ เช่น ภาวะโลหิตจาง มีเลือดออก ติดเชื้อ รวมทั้งรุกล้ำเข้าอวัยวะทุกส่วน เป็นต้น
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็น 2.5% ของอัตราการเกิดโรคมะเร็งทั้งหมด ทุกปีทั่วโลกประมาณ 47,150 คน จะถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ขณะเดียวกันทุกปีจะมีประมาณ 23,540 คน ที่เสียชีวิตเพราะโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว อัตราการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวของแผนกมะเร็งในเด็กจะอยู่ในอันดับแรก โดยเด็กอายุระหว่าง 0-4 ขวบ จะมีอัตราการเกิดโรคค่อนข้างสูง อีกทั้งเปรียบเทียบอัตราการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวระหว่างเพศชายกับเพศหญิงอยู่ที่ 7 : 5
สามารถแบ่งประเภทของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวตามแหล่งที่มาของเซลล์และลักษณะรูปร่างได้ดังต่อไปนี้
1. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดไมอิลอยด์ ( AML) : เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่เกิดจากการเพิ่มจำนวนขึ้นแบบผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดขาวในไขกระดูก จุดเด่นของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดไมอิลอยด์ คือ การเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของเซลล์ผิดปกติในไขกระดูก อีกทั้งส่งผลต่อการเกิดเซลล์เม็ดเลือดปกติอีกด้วย
2. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดไมอิลอยด์ ( CML ) : เป็นโรคที่เกิดจากการเจริญเพิ่มขึ้นของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตในปริมาณมากโดยไม่มีการควบคุม มีจุดเด่นหลักๆ คือ การเพิ่มขึ้นของไขกระดูก เม็ดเลือดขาวในเลือดบริเวณรอบนอกเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งม้ามบวมโต
3. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดลิมฟอยด์ ( ALL ) : เป็นการเติบโตผิดปกติของเซลล์ลิมโฟบลาสท์ ( lymphoblast ) และการแบ่งเซลล์ลิมโฟบลาสท์ผิดปกติหรือการแบ่งตัวมีอุปสรรค ประกอบเป็นเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวจำนวนมากที่ไม่เจริญเติบโตเต็มที่ เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดพัฒนารวดเร็ว
4. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดลิมฟอยด์ ( CLL ) : เป็นเนื้องอกร้ายที่ส่งผลต่อเซลล์ลิมโฟไซท์ ซึ่งจะทำให้อวัยวะน้ำเหลืองเกิดเซลล์ที่เจริญเติบโตไม่เต็มที่จำนวนมาก เซลล์เหล่านี้จะรวมตัวอยู่ในไขกระดูก ควบคุมการสร้างโลหิตปกติของไขกระดูก อีกทั้งสามารถแพร่กระจายไปตามกระแสเลือดทั่วร่างกาย
ถึงแม้ปัจจัยจำนวนมากจะถูกลงความเห็นว่ามีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งในปัจจุบันสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้น ยังมีความเห็นว่าเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ ปัจจัยด้านรังสี ปัจจัยด้านเคมี ปัจจัยทางพันธุกรรม เป็นต้น
1. โลหิตจาง : อาการหลัก คือ หน้าซีดขาว เวียนศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว เป็นต้น
2. ตัวร้อน : ตัวร้อนเป็นพักๆ หรืออยู่ดีๆ ก็ตัวร้อน อุณหภูมิของร่างกายจะคงอยู่ที่ 37.5 - 40 องศา หรือสูงกว่านี้
3. เลือดออก : อาการเลือดออกอาจเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย รวมทั้งโพรงจมูก ช่องปากและเหงือก เป็นต้น จะค่อนข้างพบได้บ่อย
4. ต่อมน้ำเหลือง : ต่อมน้ำเหลืองบวมโตกระจายไปทั่วร่างกาย พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดลิมฟอยด์
5. ตับม้ามบวมโต : ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว 50% จะมีอาการตับม้ามบวมโต และพบได้เด่นชัดที่สุดในผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดลิมฟอยด์
6. อาการระบบประสาทอักเสบ : เยื่อ arachnoidea เยื่อหุ้มสมอง เป็นต้น จะเกิดการรุกล้ำของเม็ดเลือดขาว ทำให้เกิดอาการความดันในกะโหลกศีรษะสูงและแขนขาเป็นอัมพาต เป็นต้น
7. อาการอื่นๆ : เมื่อเซลล์มะเร็งมีการรุกล้ำเข้าระบบทางเดินหายใจ ระบบย่อยอาหารและระบบทาง
เดินปัสสาวะ เป็นต้น จะมีอาการน้ำคั่งในช่องอก การทำงานของระบบย่อยอาหารผิดปกติ มีโปรตีนในปัสสาวะ เป็นต้น
1. การตรวจเลือด : นำเลือดปริมาณเล็กน้อยจากนิ้วมือหรือติ่งหู เพื่อตรวจปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด อีกทั้งจำแนกประเภทเซลล์เม็ดเลือดขาว
2. การตรวจสเมียร์เลือด : การตรวจสเมียร์เลือดสามารถตรวจพบการเปลี่ยนแปลงเฉียบพลันของเซลล์ไขกระดูก ซึ่งเซลล์เหล่านี้ก็คือเม็ดเลือดขาวที่ไม่เติบโตเต็มที่
3. การตรวจเจาะชิ้นเนื้อไขกระดูก : เป็นการใช้อุปกรณ์นำเลือดไขกระดูกปริมาณเล็กน้อยจากช่องว่างไขกระดูกมาทำการตรวจ อีกทั้งทำการบันทึกจำนวนและจำแนกประเภทเซลล์ทุกชนิดในไขกระดูกอีกด้วย
การดูแลด้านอาหาร
1. ทานอาหารที่มีโปรตีนสูงและพลังงานสูงให้มาก
2. ทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินให้มาก
3. ทานอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กให้มาก
การดูแลในชีวิตประจำวัน
1. ทานยาตามกำหนด ไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลตามกำหนด
2. ปรับพฤติกรรมการดำเนินชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
3. ป้องกันการติดเชื้อ ใส่ใจสุขอนามัยภายในบ้าน
4. ควรฆ่าเชื้อภาชนะใส่อาหาร ล้างผลไม้ให้สะอาดและปอกเปลือกออก
วิธีทางการแพทย์สำหรับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะแตกต่างกันตามชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาว เช่น ให้ยาเคมี การฉายรังสี เทคนิคภูมิคุ้มกัน การเจาะจงเซลล์มะเร็งและการแพทย์แผนจีน เป็นต้น สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางส่วนที่มีความเสี่ยงสูง ยังต้องได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกอีกด้วย
ทีมผู้เชี่ยวชาญหลายแขนงซึ่งรวบรวมแพทย์ศัลยกรรมผ่าตัด ผู้เชี่ยวชาญด้านพยาธิวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉายแสงมะเร็ง ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคแบบบาดแผลเล็กและพยาบาลผู้ดูแลแผนกมะเร็ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะร่วมกันกำหนดแผนการโดยประเมินจากสภาพร่างกายและอาการของผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว เพื่อวางแผนการตรวจวินิจฉัย การดูแลและการควบคุมอาการ ยกระดับผลลัพธ์ของผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แพทย์แผนจีนมีประสิทธิภาพในการปรับสมดุลของร่างกาย ช่วยในการต้านมะเร็ง เพิ่มสมรรถนะภูมิคุ้มกันและฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง เป็นต้น ซึ่งโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวได้บูรณาการแพทย์แผนจีนเข้ากับเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อบูรณาการข้อดีของการแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบันเข้าด้วยกัน สามารถยกระดับผลลัพธ์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ไม่มีมะเร็งชนิดใดที่ใช้เทคโนโลยีเพียงชนิดเดียวก็สามารถใช้ได้ ทางโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวใช้รูปแบบการบูรณาการแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบันมาใช้กับผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว คิดค้นรูปแบบใหม่ “เจาะจงและบาดแผลเล็ก บูรณาการแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบัน” โดยยึดตามสภาพร่างกายและอาการที่แตกต่างกันของผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว เพื่อกำหนดแผนการ ซึ่งทางโรงพยาบาลของเราได้ใช้เทคนิคภูมิคุ้มกัน โดยนำเซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีชีวิตต้านมะเร็งใส่เข้าไปในร่างกายของผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งหรือกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันมะเร็งในร่างกาย วิธีการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดสามารถยับยั้งการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งเม็ดเลือดขาว ไม่เพียงแต่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายผู้ป่วย ยังสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวอีกด้วย สามารถปรับสภาพภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย อีกทั้งไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ ซึ่งในขณะที่ยังอยู่ในขั้นตอนต่างๆ ทางโรงพยาบาลของเราจะใช้ยาแผนจีนในร่วมด้วย ประสานระหว่างแพทย์แผนจีนกับเทคโนโลยีแบบบาดแผลเล็ก ทำให้เกิดการบูรณาการข้อดีของแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบัน สามารถยกระดับผลทางการแพทย์ให้สูงขึ้น
โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวแห่งประเทศจีนได้ตั้งสำนักงานขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก เช่น ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินโดนีเซีย ไทย เป็นต้น ทุกปีสำนักงานจะรับผู้ป่วยชาวต่างชาติและส่งตัวมายังโรงพยาบาลจำนวนมาก ผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลและฟื้นตัวมาจากหลายประเทศ
ด้านหนึ่งโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเสนอการบริการด้านการแพทย์ที่ครบวงจรให้แก่ผู้ป่วย อีกด้านหนึ่งยกระดับประสิทธิภาพทางการแพทย์ให้สูงขึ้น โดยไม่เพิ่มภาระให้แก่ผู้ป่วย อีกทั้งช่องทางการติดต่อระหว่างแพทย์และผู้ป่วยมีหลายช่องทาง ได้แก่ ทางออนไลน์ ทางอีเมล์ ทางโทรศัพท์ หรือการพบปะกัน เพื่อขยายช่องทางการบริการให้คำปรึกษา ช่วยให้พวกเขาต้านมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย