การรักษาโรคด้วยอาหารการกินมีอิทธิพลอย่างไรต่อโรคมะเร็งปากมดลูก

อัตราการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก นอกจากมีความสัมพันธ์อันกระชับกับการแต่งงานก่อนวัยที่อันควร การตั้งครรภ์ก่อนวัยที่อันควรและความเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยาของโรคปากมดลูกอักเสบเรื้อรังแล้ว ยังมีความเกี่ยวข้องกับอาหารการกินอีกด้วย นองจากสารไลโคปีนแล้ว สารอาหารที่สามารถสร้างเสริมภูมิคุ้นกันของร่างกาย ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกให้น้อยลง และบรรเทาอาการป่วยของผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกยังมีมากมายหลากหลาย ตัวอย่างเช่นβ— แคโรทีน มีสวนช่วยป้องกันระบบภูมิคุ้นกัน ไม่ให้ทำร้ายจากอนุมูลอิสระ สามารถเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้ วิตามินซีสามารถต่อต้านความทำร้ายจากเชื้อไวรัสของเนื้องอกท่อน้ำนม การวิจัยก็แสดงให้เห็นว่า หากสารสังกะสีและสารซีลีเนียมในร่างกายของมนุษย์น้อยเกินไป จะทำให้ระบบภูมิคุ้นกันทำหน้าที่ผิดปกติ ซึ่งจะทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ดังนั้น การเพิ่มเติมสารสังกะสีและสารซีลีเนียมเมื่อเวลารับประทานอาหารจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ควรทานปลา เนื้อหมู ถั่วลิสงให้มากพอเท่าที่ต้องการ

หลักการอาหารการกินในแพทย์แผนจีนระหว่างระยะการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกที่แตกต่างกัน

1. หลังจากการผ่าตัด ควรบำรุงกำลังบำรุงเลือด สามารถทานมันเทศจีน ลำไยอบแห้ง เก๋ากี้ ตับหมู ฯลฯ

2. ระหว่างเวลาได้รับรังสีบำบัด อาหารการกินต้องยึดถือบำรุงเลือดบำรุงหยินเป็นหลัก ทานเนื้อสัตว์ ไข่เป็ด เห็ดหูหนู ผักกวางตุ้ง รากบัว ฯลฯ

3. ระหว่างเวลาได้รับเคมีบำบัด ควรบำรุงม้ามกับไต ทานเออเจียว ตะพาบน้ำ เห็ดหูหนู ฯลฯ

4. เมื่อช่องคลอดของผู้ป่วยมีเลือดออกมาก ควรทานอาหารบำรุงเลือด อย่างเช่น รากบัว ฮอว์ธอร์นจีน เห็ดหูหนูดำ ไข่นกกระทา ฯลฯ

5. เมื่อมีระดูขาวมากแต่เจือจาง ควรบำรุงร่างกาย ทานตะพาบน้ำ ไข่นกพิราบไข่ไก่ ฯลฯ

จุดสำคัญของอาหารการกินสำหรับโรคมะเร็งปากมดลูก

1. เพิ่มเติมปริมาณβ— แคโรทีน：β— แคโรทีนสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอภายในร่างกาย มีสวนช่วยป้องกันระบบภูมิคุ้นกัน ไม่ให้ทำร้ายจากอนุมูลอิสระ และมีประโยชน์อันชัดเจนต่อการสร้างเสริมภูมิคุ้นกันด้วย โลหิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกมีจำนวนสารβ— แคโรทีนน้อยก่าวผู้คนที่สุขภาพแข็งแรง การที่ได้รับสารβ— แคโรทีนน้อยเกินไป จึงเป็นปัจจัยความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก พืชผักที่มีβ— แคโรทีนได้แก่ผักปวยเหล็ง ผักกวางตุ้ง ผักขม ฟักทอง ฯลฯ

2. เพิ่มเติมปริมาณการรับวิตามินซี ทุกวันนี้ อัตราการเกิดโรคมะเร็งเนื่องด้วยการติดเชื้อไวรัสสูงขึ้นเรื่อย ๆ วิตามินซีสามารถต่อต้านความทำลายจากเชื้อไวรัส เรื่องนี้เป็นสิงที่สำคัญมาก การวิจัยแสดงให้เห็นว่า วิตามินซีมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก เมื่อผู้คนรับปริมาณวิตามินซีมากขึ้น ความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกก็ลดน้อยลง พืชผักที่มีปริมาณวิตามินซีอันอุดมสมบูรณ์ ได้แก่ กะหล่ำดอก หัวผักกาดขาว มันฝรั่ง กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ฯลฯ

3. เพิ่มเติมปริมาณการได้รับสังกะสีและซีลีเนียม ธาตุปริมาณน้อยเหล่านี้มีอิทธิพลอันสำคัญต่อการผลิดและการทำหน้าที่ของแซลล์ภูมิคุ้นกัน หากรับสังกะสีและซีลีเนียมไม่พอ จะทำให้ระบบภูมิคุ้นกันเกิดความผิดปกติ ปัจจุบัน ได้ค้นพบว่าโรคมะเร็งปากมดลูกมีความสัมพันธ์กับสังกะสีและซีลีเนียม หากธาตุปริมาณน้อยเหล่านี้ในร่างก้ายน้อยเกินไป จะทำให้ความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกและโรคมะเร็งเต้านมสูงขึ้น ดังนั้น การที่รับสังกะสีและซีลีเนียมในอาหารการกินจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ พืชผักที่มีปริมาณสังกะสีและซีลีเนียมมาก ได้แก่ เห็ดที่กินได้ สาหร่ายทะเล งา ถั่วลิสง ผลไม้แห้งเปลือกแข็ง ฯลฯ

4. ควรรับประทานพืชตระกูลถั่วให้มากพอ อย่างเช่นเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ เต้าหู้ชนิดเหลืองแข็ง ฝักถั่ว ถั่งลันเตา ฯลฯ เนื่องจากอาหารชนิดนี้สามารถเพิ่มเติมไฟโตเอสโตรเจนในร่างกาย ไฟโตเอสโตรเจนมีสารไอโซฟลาโวน และสารลิกนิน ซึ่งทั้งสองก็เป็นสารโภชนเภสัชที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ไฟโตเอสโตรเจนยังสามารถต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งผิวหนังชนิด SqCC ยับยั้งการแตกตัวของแซลล์ ซึ่งจะสามารถต่อต้านการทำลายและการแพร่หลายของแซลล์มะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพได้

ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวชี้แจงให้เห็นว่า หากผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกสามารถปฏิบัติตามหลักการอาหารการกินดังกล่าวได้ จะบรรเทาความเจ็บปวดของร่างกาย สร้างเสริมความสามารถต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนประปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย