ภัยเงียบซึ่งถือเป็นสาเหตุการตายอับดับ 1 ของคนไทย และเป็นภัยร้ายที่คุกคามทั้งสุขภาพชีวิต และทรัพย์สินของประชากรทั่วโลก
จากวิกฤติของ “มะเร็ง” โรคร้ายที่เหมือนจะแพร่ขยายอย่างไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ คือจุดก่อกำเนิดของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านสิ่งแวดล้อม เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์โดยมุ่งหวังให้เป็นองค์กรทางการแพทย์ระดับสากลที่รักษามะเร็งด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการรักษาแบบใหม่ที่มีการรักษาแบบผสมผสานทั้งนี้ก็เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ป่วยมะเร็ง
ภายใต้แนวคิดใหม่ในการรักษาโรคมะเร็งนั้น คือการทำให้เป็นแบบมาตรฐานรวมถึงมีเอกลักษณ์ และมีความเป็นมนุษยธรรม ที่รักษาอย่างมีเหตุผลและมีการรักษาแบบบาดแผลเล็ก ร่วมกับการบูรณาการหลายแขนง ทั้งการฝังแร่ไอโอดีน การใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด การใช้ความเย็นการอุดหลอดเลือดเฉพาะจุด การฉายแสงและทำคีโมเฉพาะจุด ที่รวมเป็นการรักษาแบบเจาะจงเซลล์มะเร็ง ทำให้การรักษาเกิดความสมดุลร่วมกับการรักษากับเทคนิคการแพทย์แผนจีนซึ่งทำให้การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งมีประสิทธิภาพและเกิดผลข้างเคียงกับผู้ป่วยน้อย
จากการที่ทีมข่าวสาธารณสุขได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมการรักษาของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวทำให้ได้เห็นว่าเทคโนโลยีการรักษาอันก้าวหน้าของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวสามารถดึงดูดผู้ป่วยจากหลายประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว โดยประมาณร้อยละ 80 มาจากประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย บังกลาเทศ และกัมพูชาเป็นต้น
นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวยังมีการจัดกิจกรรมสำหรับผู้ป่วยที่ถือเป็นทั้งการให้กำลังกายและกำลังใจโดยเริ่มจากให้กำลังกายผู้ป่วยด้วยการจัดกิจกรรมให้ผู้ป่วยได้มีพื้นที่ในการออกกำลังเพื่อเสริมกำลังให้กับร่างกายด้วยวิธีการออกกำลังกายแบบง่ายๆเช่น ไทเก็ก เป็นต้น
ขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลจะมีการจัดมอบเกียรติบัตรพร้อมโล่ให้กับผู้ป่วยที่สามารถพิชิตโรคมะเร็งได้จนมีคุณภาพชีวิตและสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นเพื่อเป็นการให้กำลัง ใจผู้ป่วยเพราะปัจจัยหนึ่งที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยมะเร็งคือ “กำลังใจ” ซึ่งในช่วงต้นปี 2557 มีผู้ป่วยได้รับรางวัลนี้ถึง 8 คนและหนึ่งในผู้ป่วยที่ได้รับรางวัลเป็นผู้ป่วยจากประเทศไทย
นายอิน พรหมปัญญา อายุ 52 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ เล่าว่ารู้ว่าเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่4และมีเนื้อร้ายลุกลามไปที่ตับเมื่อประมาณช่วงเดือน ธ.ค.2556 จึงเริ่มทำการรักษาโดยเริ่มรักษากับโรงพยาบาลในประเทศไทยก่อนแต่ก็พยายามหาวิธีอื่นจากหลายๆที่รักษาควบคู่ไปด้วยเนื่องจากเดิมทีการรักษานั้นใน 100 วันตนต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาประมาณ 80 วันจึงรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้จนมีเพื่อนแนะนำให้ไปปรึกษาและรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวตนจึงลองไปปรึกษาและเข้ารับการรักษา
“ผมเริ่มเข้ารับการรักษาครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2557 โดยในวันที่มาวันแรกก็จะได้รับการตรวจร่างกายตามปกติแต่ที่นอกเหนือจากที่เคยรักษาคือโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวได้มีการระดมทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญการรักษาในด้านต่างๆมาร่วมกันวินิจฉัยโรค ก่อนทำการรักษาโดยของผมแพทย์ได้ทำการรักษาแบบผสมผสานคือการฉายแสงเฉพาะจุดร่วมกับการใช้มีดความเย็น ซึ่งขณะนี้ผมทำการรักษาแล้ว 4 ครั้งและรู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นทั้งนี้ก่อนที่จะมารักษาที่นี่ผมต้องเข้าห้องน้ำวันละประมาณ 26 ครั้งซึ่งทุกครั้งจะถ่ายเป็นเลือดและน้ำหนักตัวก็ลดลงเพราะกินอะไรไม่ได้แต่ปัจจุบันระบบขับถ่ายกลับมาเป็นปกติเหลือเข้าห้องน้ำเพียงวันละ 1 ครั้งและกลับมากินอาหารได้ตามปกติทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น” นายอินเล่าและว่าส่วนเรื่องที่พักเมื่อเดินทางไปรักษาทีี่สาธารณรัฐประชาชนจีนหรือประเทศจีนนั้น ทางโรงพยาบาลก็จะมีห้องพักให้ได้อยู่กับครอบครัวส่วนค่ารักษาจะอยู่ที่ประมาณครั้งละ 1แสนบาทซึ่งแพทย์ระบุว่าผมน่าจะรักษาประมาณ 6ครั้ง
หลิน ซ่าวหัว (Mr. Lin shaohua) ผู้จัดการใหญ่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว เล่าว่า การเลือกใช้วิธีการรักษาแบบบูรณาการนั้น เนื่องจากทางโรงพยาบาลเชื่อว่าเป็นวิธีต่อสู้และกำจัดเนื้อร้ายที่ดีที่สุดเช่นวิธีการฝังแร่ไอโอดีน ร่วมกับการใช้ความร้อนแบบเฉพาะจุดซึ่งจะทำให้เนื้อร้ายถูกทำลายโดยกลไกของมันเองคือได้รับความร้อนสลับเย็นจนไม่สามารถทนได้ และสำหรับการเลือกทำให้บาดแผลเล็กก็เพื่อลดการได้รับบาดเจ็บของผู้ป่วยและทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วที่สุดอย่างไรก็ตามการจะนำเครื่องมือแต่ละชนิดมาใช้รักษาผู้ป่วยได้ทางโรงพยาบาลต้องขออนุญาตและอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกระทรวงสาธารณสุขของจีนก่อนทุกครั้ง
“การรักษาแบบบาดแผลเล็กและเฉพาะจุดพร้อมกับการบูรณาการกับการแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนปัจจุบัน มีจุดเด่น คือผู้ป่วยมีบาดแผลเล็ก เห็นผลเร็ว ฟื้นตัวเร็ว ตรงจุดและแม่นยำรูปแบบการรักษาเหล่านี้จะไปกำจัดเซลล์มะเร็งเฉพาะจุดและการรักษาไม่ทำลายเนื้อเยื่อของอวัยวะปกติที่อยู่รอบๆ นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยังพยายามหลีกเลี่ยงข้อเสียจากการฉายแสงและคีโมที่โดยปกติจะไปทำลายภูมิคุ้มกันในร่างกายของผู้ป่วยทั้งนี้ก็เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของผู้ป่วยรวมถึงยืดอายุของผู้ป่วยออกไปให้นานที่สุดและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น” หลิน ซ่าวหัว กล่าว
ทีมข่าวสาธารณสุข ขอเอาใจช่วยโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวกับเป้าหมายการจะก้าวสู่ความเป็นสากลภายใต้การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการรักษาแบบบูรณาการเพราะนั่นหมายถึงการทำให้ผู้ป่วยทั่วโลกมีคุณภาพชีวิตและสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องขอฝากไว้ คือ ในโลก แห่งความเป็นจริงแม้แต่หมอเทวดาหรือการมีเครื่องไม้เครื่องมือที่วิเศษสักปานใดก็ไม่สามารถดลบันดาลให้การรักษาโรคร้ายนี้สัมฤทธิผลได้ หากขาดสิ่งสำคัญนั่นคือการใช้ชีวิตอยู่บนความ ไม่ประมาทของประชาชน
เพราะการไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ คือสัจธรรมที่ไม่เคยล้าสมัย
แต่ลาภที่ประเสริฐนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยการประพฤติปฏิบัติตัวของเรานั่นเอง.
ทีมข่าวสาธารณสุข
Thairath:https://www.thairath.co.th/content/416498