การวิจัยล่าสุดของ ASCO 2013 : กลุ่มวิจัยผลการรักษาผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากชาวญี่ปุ่นได้ทำการวิจัยการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากโดยใช้วิธีการฝังแร่ไอโอดีน125I พิสูจน์ผลการรักษาว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ซึ่งผลสรุปออกมาได้ว่าเป็นการรักษาที่ได้ประสิทธิภาพดี มีความปลอดภัย และยังสามารถลดผลข้างเคียงในปริมาณมากอีกด้วย
เวลาในการทดลองนั้นเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2005 ถึงเดือนธันวาคม ปี 2012 ในกลุ่มตัวอย่าง ผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากจำนวน 6927 คน โดยสุ่มตรวจจำนวน 2341 คนซึ่งเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ตรงเป้าหมายการสำรวจ การดำเนินการประเมินผลการรักษาด้วยวิธีการฝังแร่ไอโอดีน จะยึดตามประวัติของคนไข้ ลักษณะ แนวทางการรักษาอื่นๆ ผล PSA ที่ได้หลังจากการรักษาและลักษณะการขับถ่ายเหล่านี้เป็นต้น มาเป็นตัวพิจารณา ซึ่งผลการวิจัยในขั้นสุดท้ายนั้นปรากฏออกมาว่า หลังจากผ่านการรักษาด้วยการฝังแร่ไอโอดีน ECOG ของ ผู้ป่วย 99% คือ 0 (แสดงสถานะอาการของผู้ป่วยว่าฟื้นตัวกลับไปเป็นปกติ) ในขณะเดียวกันหลังการรักษาหนึ่งเดือน ผลซีทีสแกนต่อมลูกหมาก V100 จะเป็น 94.8% และ D90 จะเป็น 160.7Gy (หมายเหตุ: V แสดงถึงการยอมรับปริมาณของเซลล์หรือตัวเป้าหมายร้อยละของตัวยาที่กำหนดแน่นอน ยาที่กำหนดแน่นอนนั้นจะแสดงเป็นจำนวนร้อยละ ส่วน D แสดงถึงร้อยละของเป้าหมายหรือเซลล์ที่ต้องบรรลุถึงปริมาณยาที่กำหนด) อีกทั้งต้องระมัดระวังควบคุมปริมาณยาที่ทวารหนัก (mean R100 = 0.3 cc) และท่อปัสสาวะ (mean D5 = 223.4 Gy) ซึ่งสามารถลดความเป็นพิษที่มีปริมาณสูงได้
การวิจัยการรักษามะเร็งด้วยการฝังแร่ไอโอดีนเรื่องนี้ ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้ได้สร้างรากฐานที่สำคัญและเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติss
คำกล่าวของหลิวย่วนเซิงผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว
หัวหน้าแพทย์หลิวย่วนเซิงกล่าวว่า การรักษามะเร็งด้วยการฝังแร่ไอโอดีนนั้นต้องย้อนกลับไปในช่วงต้นศตวรรษที่ผ่านมา เริ่มเมื่อปี 1909 ที่ห้องทดลองปารีสเรเดียมรังสีวิทยาได้ใช้สายสวนที่หุ้มด้วยเรเดียมใส่เข้าไปในต่อมลูกหมาก ดำเนินการรักษาแบบระยะใกล้สำเร็จเป็นครั้งแรก
การรักษาด้วยการฝังแร่ไอโอดีนนั้นมีชื่อเต็มๆ ว่า “เทคโนโลยีการรักษาโดยการฝังแร่ไอโอดีนกัมมันตรังสี” หลักการรักษานั้นขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย ขนาดของมะเร็ง ตำแหน่ง นำมาคิดคำนวณปริมาณที่พอเหมาะในการให้รังสี กำหนดจำนวนที่เหมาะสมกับการฝังแร่ หลังจากนั้นอาศัยเครื่องมือถ่ายภาพทางการแพทย์เป็นเครื่องนำทาง วางตัวแร่ไอโอดีน125I ลงไปในเซลล์มะเร็งอย่างแม่นยำ และด้วยรังสีที่แผ่ตลอดเวลาจากตัวแร่จะค่อยๆ กำจัดเซลล์มะเร็งทิ้ง ถึงแม้ว่ารังสีที่ตัวแร่ปล่อยออกมาไม่ได้มีกำลังมาก แต่ก็สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เซลล์มะเร็งทั้งหมด ไม่มีกำลังในการเกิดใหม่ ดังนั้นจึงให้ผลลัพธ์ที่ดี ในขณะเดียวกัน กำลังของตัวแร่ที่มีไม่มาก ทำให้มีผลกระทบต่อเซลล์ปกติน้อย ผลข้างเคียงหลังจากการรักษาจึงน้อยมาก
เนื่องด้วยผู้ป่วยหลายคนยังไม่เข้าใจวิธีในการรักษามะเร็งด้วยการฝังแร่ไอโอดีน แม้กระทั่งบางคนคิดว่าการฝังแร่เป็นเพียงวิธีที่ช่วยเสริมในการรักษามะเร็ง แต่ในความจริงแล้ว การฝังแร่ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพเหมือนการผ่าตัด ไม่เพียงแต่เป็นวิธีหลักในการรักษามะเร็งเท่านั้น ในการรักษาเนื้องอกบางส่วนก็เป็นวิธีที่ถูกเลือกใช้เป็นอันดับแรกๆ อย่างเช่น มะเร็งที่ฉายรังสีแล้วไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง การฝังแร่ไอโอดีนจะกลายเป็นวิธีสำคัญในการรักษา อย่างมะเร็งต่อมลูกหมาก ไม่ต้องทำการผ่าตัด สามารถใช้การฝังแร่ได้เลย ซึ่งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ได้ผลที่เหมือนกับการรักษาทั่วไปหรือดีกว่า และยังคงไว้ซึ่งระบบร่างกายที่ดีอยู่ ในทางกลับกันมะเร็งบางชนิดหลังจากที่ผ่าตัดแล้ว พบการกลับมาใหม่ของมะเร็งหรือมีการลามไปที่อวัยวะอื่นๆ การรักษาด้วยการฝังแร่ไอโอดีนมีจุดเด่นอย่างเห็นได้ชัด สามารถควบคุมการลามของมะเร็งและการเติบโตของมะเร็งได้ ทำให้อวัยวะร่างกายยังคงทำงานเป็นระบบอยู่ ลดความเจ็บปวด นอกจากนี้แล้ว สำหรับผู้ป่วยที่ไม่อยากจะผ่าตัดหรือไม่สามารถรับมือกับการผ่าตัดได้ เช่น ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก มะเร็งโพรงจมูก การฝังแร่ซึ่งเป็นการรักษาบาดแผลเล็กและช่วยลดความเจ็บปวด ได้กลายเป็นวิธีที่ถูกเลือกใช้เป็นอันดับหนึ่ง