ผลการวิจัยล่าสุดของ 2013 ASCO ชี้ให้เห็นว่า การรักษาด้วยคลื่นความถี่สูง
(RFA) ให้ประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งตับอย่างเห็นได้ชัด
แต่เนื่องจากการถูกกดภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยมะเร็งตับอาจส่งผลให้ในการรักษาพบอัตราการกลับมาเกิดซ้ำค่อนข้างสูงและเกิดอัตราการลุกลาม
ทว่าจากผลการวิจัยพบว่า หลังจากการรักษาด้วยคลื่นความถี่สูง
ผู้ป่วยที่รับการรักษาต่อเนื่องด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกันนั้น
มีอัตราของประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โอกาสที่จะกลับมาเกิดซ้ำหรือลุกลามลดลงอย่างชัดเจน
ขั้นตอนการทดลองนั้นแบ่งผู้ป่วยมะเร็งตับจำนวน 62 คนออกเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มที่หนึ่งคือกลุ่มที่รับการรักษาด้วยคลื่นความถี่สูงเพียงอย่างเดียว (32 คน)
อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มที่รับการรักษาโดยการบูรณาการระหว่างคลื่นความถี่สูงกับการใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัด
(30 คน) ผลสรุปชี้ให้เห็นว่า หลังจากกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งตับซึ่งรับการรักษาด้วย RFA
แล้วค่าเฉลี่ยของอายุไม่มีการเพิ่มขึ้น (PFS คือ
ไม่มีการเพิ่มขึ้นของช่วงระยะตั้งแต่รับการรักษาจนถึงการเจริญเติบโตต่อเนื่องหรือตาย)
คือ 12.0 (9.1-14.8) เดือน
ส่วนกลุ่มที่ผสานการรักษานั้นยังไม่ปรากฏสภาพการเจริญเติบโตต่อเนื่องหรือตาย
ผลสรุปของการทดลองในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า
การผสานเซลล์ภูมิคุ้มกันกับคลื่นความถี่สูงสามารถรักษามะเร็งตับได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
ผลการรักษาปลอดภัย
อีกทั้งยังมีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาเกิดซ้ำหรือลุกลามหลังจากที่ผู้ป่วยมะเร็งตับรับการรักษาด้วยคลื่นความถี่สูง
ผลการทดลองยังชี้ให้เห็นว่า
การรักษาโดยเซลล์ภูมิคุ้มกันยังมีประสิทธิภาพในการต้านมะเร็งและต้านไวรัส
สามารถลดปริมาณไวรัสในไวรัสตับอักเสบและรักษาสมรรถนะของตับให้อยู่ในระดับปกติ
ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว จางเต๋อชุน อธิบายรายละเอียด
:
ผู้เชี่ยวชาญจางเต๋อชุน กล่าวว่า
การรักษาโดยเซลล์ภูมิคุ้มกันเป็นการรักษาทางชีวภาพ โดยมีลักษณะเด่นคือปลอดภัย
ประสิทธิภาพสูง บาดแผลเล็ก เจ็บปวดน้อย ผลข้างเคียงน้อย
จึงทำให้กลายเป็นวิธีการรักษามะเร็งรูปแบบใหม่ ขณะเดียวกัน
ก็ช่วยชดเชยข้อเสียของการรักษาโดยการผ่าตัด ฉายแสง
และการทำคีโมที่ไปทำลายภูมิคุ้มกันในร่างกายของผู้ป่วยและไม่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้หมด
ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการยอมให้เป็นหนึ่งในรูปแบบการรักษามะเร็งอย่างบูรณาการในยุคศตวรรษที่
21 ที่มีความโดดเด่นที่สุดและมีความก้าวหน้าในอนาคตมากที่สุด
การรักษาโดยเซลล์ภูมิคุ้มกันมีหลายประเภท แต่ในปัจจุบัน
ที่ใช้กันอย่างกว้างขวางที่สุดและสมบูรณ์ที่สุดคือการรักษาโดยเซลล์ภูมิคุ้มกัน
DC-CIK และเทคโนโลยีการรักษาเซลล์มะเร็งแบบตรงจุด ACTL™
การรักษาโดยเซลล์ภูมิคุ้มกันเป็นการนำเซลล์ภูมิคุ้มกันจากร่างกายผู้ป่วยเอง
ผ่านการเพาะเลี้ยงภายนอกร่างกาย เพื่อเพิ่มจำนวนให้มากขึ้นเป็นพันเท่า
หลังจากที่สมรรถนะในการกำจัดเซลล์มะเร็งแข็งแรงขึ้นแล้ว
จึงนำกลับเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วยโดยผ่านทางหลอดเลือดดำ
ซึ่งให้ประสิทธิภาพในการกำจัดเซลล์มะเร็งและเซลล์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงฉับพลันได้อย่างตรงจุด
ขณะเดียวกันยังช่วยกระตุ้นสมรรถนะของภูมิคุ้มกันในร่างกายอีกด้วย
โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวได้ปฏิบัติและสังเกตมาหลายปีจนพบว่า
การรักษาโดยเซลล์ภูมิคุ้มกันทำให้ผู้ป่วยมะเร็งทุกระยะได้รับประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการ
ช่วยยืดอายุออกไป และยกระดับคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้นได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ร่างกายอ่อนแอซึ่งอยู่ในระยะกลางและระยะสุดท้าย
รวมทั้งที่มีการกลับมาเกิดซ้ำหรือลุกลาม ขณะเดียวกัน
ยังพบว่าผู้ป่วยที่รับการรักษาโดยใช้เซลล์ภูมิคุ้มกัน
ที่มีการผสานด้วยวิธีการรักษาโดยการใช้ความเย็น การผ่าตัด การฝังแร่ไอโอดีน
และการให้คีโม เป็นต้นเข้าไปด้วยนั้น
มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นและช่วยยืดเวลาชีวิตออกไปได้มากขึ้นอีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญจางเต๋อชุนกล่าวว่า การรักษาโดยใช้เซลล์ภูมิคุ้มกัน
นอกจากจะใช้กับการรักษามะเร็งตับแล้ว ยังสามารถใช้ได้กับมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม
มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร
มะเร็งหลังโพรงจมูก มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งผิวหนัง มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
มะเร็งไฝ โรคมัลติเพิล มัยอิโลมา เป็นต้น
ล้วนสามารถบรรลุประสิทธิภาพในการกำจัดเซลล์มะเร็ง
ป้องกันการกลับมาเกิดซ้ำและการลุกลาม