คุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่ง เป็นคนของเมืองเฮยหลงเจียง ในปี 2548 ได้จบการศึกษาจากวิทยาลัยแพทย์ของ Jiamusi และในเดือนกรกฎาคม 2552 ได้สำเร็จการศึกษาปริญญาโททางด้านการแพทย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นแพทย์รักษาผู้ป่วยแผนกโรคมะเร็งประจำโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ตั้งแต่ทำวิจัยและการทำงานรักษาผู้ป่วยเป็นระยะเวลาเจ็ดปี ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านมะเร็งหลากหลายรูปแบบ เช่นโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งกระเพาะ มะเร็งสูตินรีเวช มะเร็งร้ายที่ใช้วิธีการรักษาโดยการทำคีโม การรักษาด้วยออร์โมน การใช้ยีนบำบัด วิธีเหล่านี้เป็นต้น ฝึกทักาการรักษาแบบบาดแผลเล็ก เข้าใจถึงแนวการรักษาที่ดีที่สุดในมะเร็งแต่ละชนิด และในขั้นตอนการรักษาก็สามารถเข้าใจในการพัฒนาของมะเร็ง การจัดการกับโรคแทรกซ้อน และการกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำ
จุดมุ่งหมายอย่างต่อเนื่องคือการเอาชนะความยากของมะเร็ง
สมัยที่คุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งเรียนด้านการแพทย์นั้นก็แสดงออกให้เห็นความสามารถที่มากมายของคุณหมอ สาเหตุที่คุณหมอเลือกเรียนด้านมะเร็งนั้นเป็นเพราะคุณหมอพบว่ามะเร็งเป็นโรคที่ทั่วโลกยังคงแก้ปัญหากันอยู่ การวิจัยเรื่องมะเร็งต้องการคุณหมอมากมายที่ไม่กลัวความท้าทายทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ คุณหมอหม่าจึงตัดสินใจว่าต้องการช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งให้หลุดจากความเจ็บปวด ในการรักษาและช่วงเวลาในการศึกษาปริญญาโทคุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งได้ทำวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็ง และได้ลงบันทึกใน《นิตยาสารคนเชื้อสายจีนทั่วโลก》และ《นิตยสารยาทางแพทย์เมืองเฮยหลงเจียง》ซึ่งเป็นที่ยอมรับในบรรดาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของโรคมะเร็งทั่วโลก หลักในการทำงานของคุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งคือ ศึกษาค้นคว้าข้อมูลทางการแพทย์อยู่เสมอ อีกทั้งยังเข้าร่วมในการอภิปรายทางการแพทย์อยู่เป็นประจำ ซึ่งมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่มาสอนและร่วมอภิปราย คุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งได้ศึกษาเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศและศึกษาหาความรู้ทางการแพทย์เพิ่มเติม ในแต่ละปีแผนกโรคมะเร็งจะพบสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่น ประเภทลักษณะของโรค หรือการรักษาแบบใหม่ที่เพิ่งคิดค้น “ฉันควรรู้ทันวิวัฒนาการสมัยใหม่ที่ล้ำหน้าขึ้น” คุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งได้กล่าวไว้เช่นนั้น ปัจจุบันนี้คุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งมีความชำนาญในวิธีการรักษาแบบบาดแผลเล็ก และเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เต็มไปด้วยประสบการณ์การรักษาและการรักษาแบบพิเศษในการรักษาโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปอดและ รักษาโรคมะเร็งสูตินรีเวช
คุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งปฏิบัติต่อผู้ป่วยเสมือนกับคนในครอบครัว เพื่อให้ผู้ป่วยตั้งใจต่อต้านกับมะเร็ง
ผู้ป่วยจำนวนมากที่รักษาตัวในโรงพยาบาลต่างมีความรู้สึกผูกพันกับคุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่ง อีกทั้งเปรียบเธอเสมือนลูกสาวหรือคุณอาคนหนึ่ง เมื่อออกจากโรงพยาบาลด้วยความที่ไม่อยากจากคุณหมอก็จะมีการเขียนจดหมายและโทรศัพท์ติดต่ออย่างสม่ำเสมอ ผู้ป่วยจำนวนมากกล่าวว่า คุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งไม่เพียงแต่เลือกรูปแบบการรักษาที่แม่นยำให้กับพวกเขาแล้ว เวลาตรวจคนไข้ก็ยังตรวจอย่างละเอียด เจ็บปวดบริเวณไหน อาการไม่สบาย ผิดปกติบริเวณไหน เธอก็สามารถเข้าใจอย่างละเอียดถี่ถ้วน แม้กระทั่งตอนที่ผู้ป่วยอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากจะรักษาต่อ คุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งก็จะพยายามทุกวิถีทางในการให้กำลังใจ เพื่อให้ยืนหยัดสู้ต่อไป เมื่อเดือนพฤษภาคม ในปี 2011 กัวซื่อหวู่ผู้ป่วยชาวเวียดนามได้เดินทางมากับสามี และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ครั้งนั้นเธอมีร่างกายที่ผอมซูบ ไม่สามารถเดินได้ การมองเห็นพร่ามัว เมื่อวินิจฉัย ปอดข้างขวามีการขยายตัวของก้อนมะเร็ง มีการแพร่กระจายไปยังสมองและกระดูกทั่วร่างกาย หม่าเสี่ยวอิ่งซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัว ได้ทำการรักษาโดยการนำสี่วิธีมาประยุกต์ร่วมกันคือ การทำคีโมเฉพาะจุด การฉายแสงเฉพาะส่วน การใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัดและยาในการรักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากผู้ป่วยเคยมีผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรงในช่วงของการรักษามาก่อน คนในครอบครัวของเธอจึงตั้งคำถามกับแพทย์หลายคำถาม หลายต่อหลายครั้งบอกให้ยกเลิกการรักษาเถอะแต่คุณหมอหม่าบอกว่า “เพื่อให้เธอนั้นรับการรักษาต่อไป ในแต่ละวันฉันต้องไปตรวจเช็คอาการบ่อยครั้ง พยายามที่จะอธิบายอาการของผู้ป่วยและผลข้างเคียงต่างๆ กับญาติ บ่อยครั้งที่ญาติของผู้ป่วยอารมณ์แปรปรวนและตำหนิฉัน แต่ฉันยังคงพูดคุยด้วยรอยยิ้มเสมอ หลังจากการร่วมมือกันของพยาบาลและแพทย์ จนในที่สุดผู้ป่วยสามารถอดทนเอาชนะกับผลข้างเคียงของยาได้ เธอสามารถเอาชนะโรคมะเร็งได้ ตอนที่ผลของการตรวจพบว่ามะเร็งที่บริเวณปอด กระดูกและสมองนั้นได้ถูกทำลาย เธอก็เริ่มจะเดินได้” เมื่อคิดย้อนถึงช่วงเวลาในครั้งนั้น คุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งมีความภาคภูมิใจมาก กัวซื่อหวู่กับคุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งต่างโอบกอดกันอย่างความสนิทสนม และหลังจากที่เธอได้กลับประเทศก็ได้ชื่นชมคุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งให้กับคนอื่นๆ ฟังว่าเป็นแพทย์ที่ดี จึงทำให้ผู้ป่วยชาวเวียดนามจำนวนมากมาเข้ารับการรักษาที่นี่
คุณหมอหม่าเสี่ยวอิ่งบอกว่า “ฉันคิดเสมอว่าผู้ป่วยเปรียบเสมือนคนในครอบครัว ฉันมีความเข้าใจและเห็นใจผู้ป่วย บางครั้งที่พวกเค้าโกรธหรือไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา ฉันแค่อยากจะให้พวกเขารับรู้ว่า พวกเราที่อยู่ที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวแห่งนี้ สถานที่ที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีความมุ่งมั่นที่จะรักษา และผลการรักษาต้องมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน”