การใช้เทคโนโลยีที่คิดค้นเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยทุกชีวิต
คุณหมอเหยาจงผิงเป็นแพทย์ในแผนกมะเร็งของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว จบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์สาขาแพทย์แผนจีนมณฑลเหอหนาน ทำงานรักษาโรคมะเร็งมานานหลายปี สั่งสมประสบการณ์มากมายด้านการวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็ง มีความชำนาญในการรักษาโรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร โรคมะเร็งลำไส้เป็นต้น อีกทั้งยังเชี่ยวชาญในการรักษาด้วยการรักษาแบบบาดแผลเล็ก เช่น การทำคีโมเฉพาะจุด การฝังแร่ไอโอดีน การรักษาด้วยความเย็น การใช้คลื่นความถี่สูง เป็นต้นและสามารถนำมาใช้รักษาได้อย่างชำนาญ นอกจากนี้ท่านยังเชี่ยวชาญในการรักษาภาวะแทรกซ้อนจากมะเร็งต่างๆ หลายปีมานี้คุณหมอเหยาศึกษาและวิจัยด้านมะเร็งด้วยความตั้งใจมาตลอด ประสบความสำเร็จในการช่วยผู้ป่วยบรรเทาความทุกข์ ยกระดับคุณภาพชีวิตและยืดอายุของผู้ป่วยมานับไม่ถ้วน
ท่านมีผู้ป่วยอยู่คนหนึ่งชื่อหวังยิงจิน มาจากประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนมกราคมปี 2011 ผู้ป่วยมีอาการไอรุนแรงมากซึ่งได้ทำการตรวจCTเอกซเรย์คอมพิวเตอร์บริเวณหน้าอกที่โรงพยาบาลในประเทศ แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งปอดด้านขวาและลุกลามไปที่กระดูก แต่ทว่า ผู้ป่วยไม่ยอมรับกับผลวินิจฉัย จึงเดินทางพร้อมกับครอบครัวมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลประเทศสิงคโปร์อีกครั้ง ผลการตรวจแสดงออกมาว่า เป็นโรคมะเร็งปอดด้านขวาชนิด Adenocarcinoma และด้วยคำแนะนำจากคุณหมอ ผู้ป่วยจึงรับการรักษา แต่ผลการรักษาไม่ได้ดีอย่างที่คาดหวังไว้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คืออาการและสุขภาพของผู้ป่วยกลับแย่ลงยิ่งกว่าเดิม เพื่อได้โอกาสในการรักษาให้ทันท่วงที ในเดือนเมษายนปี 2012 ผู้ป่วยได้เดินทางมารักษายังโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ในขั้นแรกนั้นคุณหมอเหยาได้วิเคราะห์ประวัติที่ผู้ป่วยนำมาด้วย สิ่งที่ทำให้คุณหมอรู้สึกประหลาดใจก็คือ หลังจากที่รักษาแล้ว ก้อนมะเร็งของผู้ป่วยไม่เพียงแต่ไม่ได้เล็กลงแต่กลับใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อทำความเข้าใจในอาการของผู้ป่วย คุณหมอเหยาจึงให้ผู้ป่วยตรวจสุขภาพในทุกๆ ส่วนของร่างกาย ผลการตรวจวินิจฉัยพบว่าเป็นโรคมะเร็งปอดและมีการแพร่กระจายหลายจุด
สำหรับระยะของมะเร็งและสภาพร่างกายของผู้ป่วยนั้น คุณหมอเหยาได้วิเคราะห์อย่างละเอียดอีกครั้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจวางแผนการรักษาด้วยทำคีโมเฉพาะจุดสำหรับผู้ป่วย โดยหลังการรักษาสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยเปรียบเทียบกับตอนเข้าโรงพยาบาลดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวโรคก็ถูกควบคุมไม่ให้ลุกลาม ต่อมาคุณหมอได้ให้ผู้ป่วยรักษาต่อด้วยการทำคีโมอีก 5 ครั้ง หลังจากนั้นตรวจร่างกายด้วยCTเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ผลการตรวจพบว่าว่าก้อนมะเร็งนั้นเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผู้ป่วยถามว่าการรักษาที่ประเทศสิงคโปร์ก็ใช้วิธีการรักษาเหมือนกันทำไมผลการรักษากลับไม่เหมือนกัน คุณหมอเหยาอธิบายว่า วิธีการรักษาถึงจะเป็นวิธีเดียวกัน แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการแตกต่างกันแม้ว่าจะมะเร็งชนิดเดียวกันแต่ปริมาณการให้ยาและแนวทางการรักษาเฉพาะของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน สิ่งที่สำคัญก็คือต้องยึดตามอาการเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละคนกำหนดแนวทางการรักษาของแต่ละบุคคล
ให้กำลังใจกับผู้ป่วยทุกคนด้วยคำพูดและการกระทำ
คุณหมอเหยาคิดว่าในฐานะที่เป็นแพทย์แผนกมะเร็ง ไม่เพียงแต่ต้องการรักษาโรคของผู้ป่วย สิ่งที่สำคัญมากกว่าก็คือรักษาสภาพทางจิตใจของพวกเขา ให้การช่วยเหลือและกำลังใจแก่พวกเขาเพื่อที่จะเอาชนะโรคมะเร็งได้ ทำให้พวกเขามีความหวังในการอยู่ต่อไป
คุณหมอเหยากล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นโรคทางจิตใจที่มีความซับซ้อน จากการวิเคราะห์ คุณหมอเหยาค้นพบว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งถึง 80% ขึ้นไปในการรักษาที่มักจะมีปัญหาในเรื่องสภาพจิตใจ ผู้ป่วยบางคนมีสภาพจิตตึงเครียด ไม่สามารถรับความจริงได้ว่าตนเองเป็นโรคมะเร็ง หรือบางครั้งมีอารมณ์ท้อแท้ใจ ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับแพทย์อย่างเต็มที่ทำให้การรักษาไม่สามารถดำเนินได้อย่างราบรื่น และปัญหาเหล่านี้มักเป็นปัญหาที่แพทย์แผนกมะเร็งมองข้ามไป เพราะฉะนั้น คุณหมอเหยายังคงให้ความสำคัญถึงสภาพจิตใจของผู้ป่วยที่มีผลต่อการรักษาโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลในการรักษาของโรคมะเร็ง
เพราะเหตุนี้ เมื่อคุณหมอเหยาพูดคุยกับผู้ป่วย ท่านจะมีความกระตือรือร้น มั่นใจ และมีความอ่อนโยนทุกครั้งเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีสภาพจิตที่ดี ทำให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการรักษาของแพทย์ นอกจากนี้ท่านยังบอกผู้ป่วยถึงความก้าวหน้าในการรักษาทุกครั้ง ให้ผู้ป่วยทราบว่าโรคของเขาสามารถควบคุมได้ และในทุกๆ เช้าที่ท่านมาตรวจเช็คผู้ป่วย ท่านมักให้กำลังใจผู้ป่วยให้ทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ดูหนัง ร่วมกิจกรรมที่เหมาะสม เป็นต้น ทำให้ผู้ป่วยเข้าใจทัศนคติของชีวิตในการมองโลกในแง่ดีซึ่งเป็นประโยนช์ต่อการฟื้นฟูสภาพร่างกายของผู้ป่วย และสามารถทำให้ผู้ป่วยหายจากความกลัวในการเป็นมะเร็ง และร่วมมือกับแพทย์ในการรักษา