มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่ถือได้ว่าเกิดทั่วร่างกาย ในปัจจุบันนี้การผ่าตัดออกทั้งหมดยังถือว่าเป็นวิธีหลักวิธีหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ยังมียาคีโม การใช้เทคนิคฮอร์โมน การฉายแสงและการใช้เซลล์คุ้มกัน ขั้นตอนเหล่านี้ใช้ร่วมกับเทคนิคอื่นๆ เป็นต้น
เนื่องด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีการวินิจฉัยทางด้านการแพทย์ ขั้นตอนการการผ่าตัดยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยนำเทคนิคการผ่าตัดเต้านมแบบดั้งเดิม การผ่าตัดเต้านมแบบขยายค่อยๆ พัฒนามาเป็นเทคนิคการผ่าตัดเต้านมแบบดั้งเดิมประยุกต์ แม้กระทั่งการผ่าตัดแบบเก็บเต้านมไว้
จุดเด่นของการผ่าตัดเต้านมแบบดั้งเดิมประยุกต์
หลักการและจุดมุ่งหมายในการพัฒนาการผ่าตัดมะเร็งเต้านมคือให้ความมั่นใจว่าผลของการผ่าตัดจะช่วยลดความเจ็บปวดให้ผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูได้เร็วหลังจากผ่าตัดและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย การผ่าตัดเต้านมแบบดั้งเดิมประยุกต์นี้ยึดหลักการนี้มาโดยตลอดและถูกเลือกนำไปใช้อย่างกว้างขวางกับโรคมะเร็งเต้านมระยะแรก และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากแพทย์และผู้ป่วย
จุดเด่นหลักของการผ่าตัดเต้านมแบบดั้งเดิมประยุกต์นั้นคือสามารถกำจัดมะเร็งออกได้หมด ในขณะเดียวกันก็ยังเก็บกล้ามเนื้อหน้าอกทั้งมัดเล็กและมัดใหญ่หรือเอาออกแค่ส่วนกล้ามเนื้อหน้าอกมัดเล็ก วิธีนี้นอกจากจะทำให้ขอบเขตในการผ่าตัดเล็กลงแล้ว ยังช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของผู้ป่วย ทำให้แผลผ่าตัดหายเร็ว และยังสามารถเก็บรูปร่างทรวงอกของผู้ป่วยให้เป็นอย่างเดิมได้ค่อนข้างดีและหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาตรงช่วงแขนส่วนบน มีผลดีต่อการผ่าตัดเสริมสร้างเต้านมและฟื้นฟูระบบการทำงานของแขนส่วนบนได้
เมื่อเทียบการผ่าตัดเต้านมแบบดั้งเดิมและการผ่าตัดเต้านมแบบขยายแล้ว การผ่าตัดเต้านมแบบดั้งเดิมประยุกต์สามารถทำให้มะเร็งที่มีเพียงบางส่วนถูกกำจัดออกได้หมด และอัตราการเกิดซ้ำก็ไม่สูง อัตราการรอดเป็นเวลาถึงห้าปีหรือสิบปีหลังจากผ่าตัด อัตราการรอดของผู้ป่วยระยะที่สองและสามเมื่อเทียบกับอัตราการรอดจากการผ่าตัดแบบดั้งเดิมไม่ได้มีความแตกต่างกันทางสถิติเลย
การผ่าตัดต้องทำอย่างไรบ้าง
การผ่าตัดเต้านมแบบดั้งเดิมประยุกต์แบ่งเป็นสองแบบ :
- การผ่าตัดแบบ Patey : เน้นเก็บกล้ามเนื้อหน้าอกมัดใหญ่ และตัดกล้ามเนื้อหน้าอกมัดเล็กออก ทำให้รูปร่างและการทำงานของหน้าอกดี ยิ่งขึ้น ง่ายต่อการผ่าตัดเสริมสร้างเต้านม
- การผ่าตัดแบบ auchincloss : เน้นเก็บทั้งกล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ของหน้าอกไว้ ผลการวิจัยทางคลินิกพบว่า ผลการผ่าตัดแบบ auchincloss และแบบ Patey ไม่ได้มีข้อแตกต่างกันมาก แต่เพราะว่าการผ่าตัดแบบ auchincloss จะทำลายเส้นประสาทของหน้าอกส่วนหน้าน้อยกว่า อีกทั้งเก็บทั้งกล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ของหน้าอกไว้ จึงง่ายที่จะให้ผู้ป่วยยอมรับวิธีนี้มากกว่า
ขอบเขตในการผ่าตัด
ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเต้านมบางส่วนหรือทั้งหมด ส่วนบริเวณที่ปิดปกคลุมก้อนเนื้อไว้ทั้งผิวหนัง รักแร้ ไขมันใต้กระดูกไหปลาร้า เซลล์ต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ และหลอดเลือดดำที่ไปทางใต้รักแร้ ต้องเอาออกทั้งหมด หากเส้นประสาททรวงอกยาวและเส้นประสาทด้านหลังทรวงอกไม่ส่งผลต่อการผ่าตัด ก็สามารถเก็บไว้ได้
ปากแผลผ่าตัด
ปากแผลในการผ่าตัดด้วยวิธีการผ่าตัดเต้านมแบบดั้งเดิมประยุกต์นั้นขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนเนื้อ ตำแหน่ง ระดับการลุกลามและขนาดของทรวงอก ซึ่งจะมีแบบรูปพระจันทร์เสี้ยวแนวนอน รูปกระสวยแนวตั้ง แผลควรจะห่างจากขอบของก้อนเนื้อ 3 ซม.ขึ้นไป ขณะที่ผ่าตัดนั้นต้องทำอย่างไรให้ออกห่างจากผนังผิวหนังและการผ่าตัดต่อมเต้านมออกต้องขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้
โดยปกติหลังจากผ่าตัดเต้านมแบบดั้งเดิมประยุกต์แล้วสามารถใช้ร่วมกับกับวิธีการทำคีโม การฉายแสง การใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัด เป็นต้น เพื่อควบคุมมะเร็งที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย ป้องกันการลุกลามใหม่
ผู้ป่วยกลุ่มไหนที่เหมาะกับการผ่าตัดเต้านมแบบดั้งเดิมประยุกต์
1.ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแรกและระยะที่สอง
2.ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะที่สามที่ไม่มีโรคที่ห้ามใช้วิธีนี้
3.ผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกดีหรือมะเร็งที่ไม่มีการลุกลามออกไปไกล
โรคที่ห้ามใช้วิธีนี้
ผิวบวมน้ำบริเวณกว้าง
มีก้อนรอยโรคบริเวณผิวหนัง
ผนังหน้าอกติดอยู่กับที่อย่างแน่นหนา
โรคแขนด้านบนบวมน้ำ
มะเร็งเต้านมที่มีการอักเสบ
เป็นโรคต่อมน้ำเหลืองของกระดูกไหปลาร้าส่วนบนและรักแร้ขยายมากขึ้น และคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
มีการลุกลามไปกล้ามเนื้อหน้าอกมัดใหญ่หรือต่อมน้ำเหลืองช่วงกล้ามเนื้อหน้าอกและการลุกลามที่ไปยังอวัยวะที่ไกลออกไป
การดูแลหลังผ่าตัด
การดูแลที่มีประสิทธิภาพเป็นการรับรองความสำเร็จในการผ่าตัด ลดการเกิดของโรคแทรกซ้อน ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย หลังจากที่ผ่าแล้วต้องระวังการติดเชื้อ คอยดูแลให้แผลแห้งอยู่เสมอ สังเกตการเป็นซ้ำของแขนที่มีปัญหาการทำงาน และเลือกวิธีการออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูแขนให้เหมาะสม